เดอะมอลล์ กรุ๊ป สร้างปรากฏการณ์ ‘ย่านการค้า’ 3 มุมเมือง มูลค่า 50,000 ล้านบาท เขย่าวงการค้าปลีก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เดอะมอลล์ กรุ๊ป สร้างปรากฏการณ์ ‘ย่านการค้า’ 3 มุมเมือง มูลค่า 50,000 ล้านบาท เขย่าวงการค้าปลีก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

14 พ.ย. 2023
กลุ่มบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการค้าปลีกชั้นนำของไทย ที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 4 ทศวรรษ ประกาศความสำเร็จศูนย์การค้าที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาย่านธุรกิจการค้า ที่พักอาศัย สอดรับแผนพัฒนาสร้างความเจริญกรุงเทพฯ
ด้วยแนวคิดรีเทลมิติใหม่ ‘สร้างย่านการค้า’ กับ 3 โครงการ 3 มุมเมืองดิ เอ็มสเฟียร์ (THE EMSPHERE) บนทำเลที่ดีที่สุดใจกลางย่านสุขุมวิท และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ สาขาบางกะปิ สาขาบางแค 2 ทำเลสำคัญฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกสอดรับการขยายตัว ยกระดับมหานครกรุงเทพ ด้วยมูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท พร้อมอัดงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เฉลิมฉลองย่านการค้าร่วมกันทุกมุมเมือง ธันวาคม นี้ 
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลก
ประกอบกับยุทธศาสตร์ในการปักหมุดย่านการค้าสำคัญและวางเป้าหมายในการ ‘พัฒนาย่านการค้า ไม่ใช่เพียงพัฒนาโครงการศูนย์การค้า’ สอดรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยภาพรวม เช่นเดียวกับเมืองที่เป็นย่านการค้าสำคัญในโลก ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากระบบรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมสำคัญภายในกรุงเทพฯ 
จากประสบการณ์การบริหารธุรกิจรีเทล มากกว่า 4 ทศวรรษ บริษัทฯ ‘สร้างย่านการค้าจนประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา’ ในย่านรามคำแหง ท่าพระ งามวงศ์วาน และยิ่งใหญ่ใน 2 มุมเมืองเมื่อปี 2537 ในย่านบางกะปิ
สำหรับโครงการอภิมหาอาณาจักรศูนย์การค้าครบวงจร เดอะมอลล์ บางกะปิ และในย่านบางแค เพชรเกษม สำหรับเดอะมอลล์ บางแค ต่อเนื่องกับโครงการ ‘ลักซ์ชูรีมอลล์แห่งแรกในประเทศไทย’ในปี 2540 กับโครงการศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และปี 2558 กับโครงการศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
ซึ่งทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการสำคัญในย่านกลางเมือง (Midtown) ที่ส่งให้เกิดการขยายตัวของสังคม เศรษฐกิจ บริเวณใจกลางถนนสุขุมวิท รวมถึงการมีส่วนร่วมพัฒนาศูนย์การค้าสยามพารากอน ในย่านกลางเมืองให้เป็นปรากฏการณ์ Jewel of Asia – Retail & Entertainment Phenomenon 
และในวันนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมในการ พัฒนาย่านการค้าให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น สอดรับกับแผนพัฒนา การขยายตัวของเมือง ผ่าน 3 โครงการศูนย์การค้า ใน 3 มุมเมืองที่มีเอกลักษณ์ (Unique) มีลักษณะเฉพาะ (One and Only) และ มีความโดดเด่น (Outstanding) ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 3 โครงการกว่า 50,000 ล้านบาท
โดยโครงการ ดิ เอ็มสเฟียร์ ใจกลางย่านการค้าถนนสุขุมวิท จะเป็นความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลับใหล (SLEEPLESS METROPOLIS) คัดสรรและรวบรวมศิลปะแห่งการใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์มาไว้ในที่เดียว (Art of Dining, Art of Fashion, Art of Creative) รวมถึงเป็น Entertainment Hub of Asia และจะสร้างปรากฏการณ์ BANGKOK CALLING THE WORLD พร้อมด้วยอภิมหาปรากฏการณ์เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ด้วยงบประมาณ 1,000  ล้านบาท ฉลองร่วมกันทั้ง เอ็มดิสทริค (EM DISTRICT)                    
สำหรับอีก 2 มุมเมือง ฝั่งตะวันออกกับเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ สาขาบางกะปิ และเดอะมอลล์   ไลฟ์สโตร์สาขาบางแค จะเป็นศูนย์กลางความมหัศจรรย์แห่งการใช้ชีวิต ที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ด้วยแนวคิด A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE :  ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว กับการฉลอง THE CAPITAL OF LIFE WONDERS มหัศจรรย์ มหาศาล ที่มหานครแห่งใหม่สำหรับเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ในวันที่ 8 ธันวาคม นี้ และในต้นปี 2567 ที่เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค พร้อมกับการส่งความสุขกับเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท
ดิ เอ็มสเฟียร์ ความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯเทียบชั้นมหานครโลก พร้อมเผยโฉม 1 ธันวาคมนี้
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มดิสทริค กล่าวว่า ‘ดิ เอ็มสเฟียร์’ (THE EMSPHERE) จะเป็น ‘ความเร้าใจและ ชีพจรแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ’ (THE VIBE OF BANGKOK NEVER EXPERIENCED BEFORE) และการเปิด ดิ เอ็มสเฟียร์เป็นเพียงก้าวแรกในการเติมเต็ม เอ็มดิสทริค ที่ประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ ให้สมบูรณ์ในอนาคต
โดย ดิ เอ็มโพเรียม จะมีการพัฒนา (Evolving) ปรับปรุง (Renovation) โดย ดิ เอ็มโพเรียมจะเป็น LUXURY INSTITUTE (ความเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา)  และ ดิ เอ็มควอเทียร์ จะเป็น CUTTING EDGE LUXURY &  HYBRID (ความลักซ์ชัวรี่ที่เหนือระดับ มีความเป็นเอกลักษณ์ของไลฟ์สไตล์)
ในขณะที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็น ฟิวเจอร์ รีเทล (Future Retail) เมื่อรวม 3 ศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน เอ็มดิสทริค จะเป็นศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถขับเคลื่อนถนนสุขุมวิท ให้เป็นย่านการค้าสำคัญดังเช่น ย่านการค้าสำคัญในหลายประเทศ เป็นสิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมรีเทลที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน 
เอ็มดิสทริค จะเป็น DISTRICT OF HAPPENING โดยที่ เอ็มดิสทริค มีร้านอาหาร ที่ปิดดึกหลังเที่ยงคืน บางร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เป็นศูนย์รวมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ตอบโจทย์แนวคิด SLEEPLESS METROPOLIS หรือ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ผสานกับศักยภาพของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ระดับเวิลด์คลาส ได้แก่ UOB LIVE  ซึ่งเป็น WORLD-CLASS ARENA ความจุ 6,000 ที่นั่ง รองรับการจัดคอนเสิร์ต กิจกรรมระดับโลก สนับสนุนแนวคิดการสร้างศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในระดับภูมิภาคอาเซียน (HUB OF ENTERTAINMENT)
ตลอดจนการเป็นสถานที่โชว์เคสของสุดยอดนวัตกรรมยนตรกรรมที่เป็น INNOVATIVE ระดับโลก อาทิ  Rolls-Royce, BMW รวมถึงความสมบูรณ์แบบของโชว์รูมยนตรกรรม INNOVATIVE ชั้นนำอีกมากมาย อาทิ แลนด์โรเวอร์ (Landrover), ปอร์เช่ (Porsche),      วอลโว่ (Volvo), ฮุนได (Hyundai), AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายเป็นอันดับ 3 ในประเทศจีน เป็นต้น 
กล่าวโดยรวม ดิ เอ็มสเฟียร์  จะเป็นศูนย์กลางการ Hang out & Socialize บนทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิท รวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์กว่า 300 ร้านค้ามากกว่า 1,000 แบรนด์ มาไว้บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร กับ 2 อาคารที่เชื่อมต่อกัน ใช้แนวคิด Industrial Style ในการตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยม
อีกทั้ง มีการใช้มิติของแสง สี เสียงเข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศผสมผสานงานศิลปะภายในอาคาร สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวจากศูนย์การค้าทั่วไป พร้อมเพิ่มประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในยุค Society 5.0 หรือยุค Super Smart Society ซึ่งเทคโนโลยี นวัตกรรม จะมีผลต่อการขับเคลื่อนทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็นสิ่งเติมเต็มและผลักดันความเป็น FUTURE RETAIL ของเอ็มดิสทริค อย่างแท้จริง
ในส่วนของเทรนด์และไลฟ์สไตล์ ภายในศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ และการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ของ ดิ เอ็มสเฟียร์  นางสาวอรธิรา ภาคสุวรรณ์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส เอ็มดิสทริค กล่าวว่า “ ดิ เอ็มสเฟียร์ (THE EMSPHERE) จะเป็น FASHION DESTINATION แห่งใหม่ใจกลางเมืองด้วยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำกว่า 40 แบรนด์ กับคอนเซ็ปต์พิเศษที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่ United Colors of Benetton แบรนด์ดังจากอิตาลีกับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน และ ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึง UNITED ARROWS และ BEAMS แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์สไตล์มินิมอลอันร่วมสมัย
พร้อมด้วยแบรนด์ไฮไลท์ CLUB21 LAB ที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบของ Multi-Label Store รวบรวมทั้งสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์หลากหลายแบรนด์ดัง อาทิ Fear of God ESSENTIALS, TEAM WANG design, ANDERSSON BELL, REST& RECREATION, และ AECA เป็นต้น พร้อมกันนี้ ยังมีแบรนด์จากไทยดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่าง VINN PATARARIN และ PIPATCHARA ที่จะดึงดูดกลุ่ม NEW GENERATION เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับโซนแฟชั่นได้อย่างลงตัว
ในกลุ่มร้านอาหาร มีร้าน Bread Street Kitchen & Bar ร้านอาหารบรรยากาศหรูหราสไตล์ All-Day Dining ที่เสิร์ฟเมนูสุดคลาสสิกของเชฟมิชลินชื่อดังระดับโลก Gordon Ramsay พร้อมด้วยร้าน Street Pizza พิซซ่าแป้งซาวโดวจ์อันเป็นเอกลักษณ์, OH MY GODMOTHER คาเฟ่และเบเกอรี่แห่งใหม่จาก ไอเบอรี่ กรุ๊ป หรือ สายชา พลาดไม่ได้กับ NAYUKI ชานมไข่มุกหมื่นล้านจากจีน
ตลอดจนเป็นครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการให้บริการของ IKEA ในคอนเซ็ปต์ใหม่ “City-Centre Store” หรือ “สโตร์ใจกลางเมือง” บนพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของการรวมร้านดังทั้งกรุงเทพฯ และโซเชียลมีเดีย มาเปิดให้บริการในศูนย์การค้า (FIRST TIME IN SHOPPING COMPLEX) ได้แก่
- RINTARO ร้านไอศกรีม Gelato สัญชาติญี่ปุ่น
-โรงกลั่นเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังจากถนนทรงวาด
- ZAO ร้านอาหารอีสานชื่อดัง
- MEDIUMS ร้านสารพัดเครื่องเขียน แนวครีเอทีฟ
รวมถึงร้านชั้นนำที่มีคอนเซ็ปต์พิเศษ (FIRST TIME EXCLUSIVE CONCEPT)
- BIANCA ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่นำความอร่อยสุดคลาสสิคของอาหารอิตาเลี่ยนมานำเสนอในรูปแบบใหม่
- SHAKE SHACK (เชค แช็ค) ร้านเบอร์เกอร์ดังจากอเมริกากับ คอนเซ็ปต์ใหม่บนถนนสุขุมวิท และยังมีแนวคิดร่วมพัฒนาคอนเซ็ปต์พิเศษร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ในรูปแบบ FIRST TIME COLLABORATIONS สอดคล้องกับแนวคิด  FUTURE RETAIL อีกด้วย
โดยทั้งหมด คือ ปรากฏการณ์ระดับโลกสมบูรณ์แบบ (THE WORLD-CLASS MEGA MULTI-FACETED DEVELOPMENT) ที่เกิดขึ้นใจกลางย่านสุขุมวิท (THE EPICENTER OF BANGKOK) และตอบโจทย์ให้โลกให้มามองกรุงเทพฯ BANGKOK CALLING THE WORLD ในฐานะเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่น่ามาเยี่ยมเยือนอีกแห่งหนึ่งของโลก
มหัศจรรย์ มหาศาลที่มหานครแห่งใหม่ กับ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์  บางกะปิและบางแค วันที่ 8 ธันวาคม นี้
 นางสาวอัญชลี พัฒนอนันต์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Leasing & Property บริษัท  เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (MISS ANCHALEE PATTANA-ANUNSUK, CHIEF LEASING & PROPERTY MANAGEMENT OFFICER, THE MALL GROUP CO., LTD.) กล่าวในภาพรวมของแนวคิดแฟลกชิฟสโตร์ของเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ว่า
“โครงการเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค จะเป็น ‘มหานคร’ แห่งใหม่ ที่เป็นศูนย์กลางความมหัศจรรย์แห่งการใช้ชีวิต ที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก (THE MALL LIFESTORE – NEW HYBRID RETAIL FOR URBAN LIVING) บนทำเลที่มีศักยภาพการเติบโตสำคัญ
โดยทั้ง  2 โครงการ ที่มีพื้นที่รวมกว่า 700,000 ตารางเมตร (บางกะปิ 350,000 ตารางเมตร, บางแค 350,000 ตารางเมตร) จะช่วยสร้างปรากฏการณ์ของอาณาจักรศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ ครบวงจร เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ                      
และด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ความเป็นมืออาชีพในการพัฒนาศูนย์การค้ามากว่า 42 ปี การปรับปรุงโฉมใหม่ครั้งนี้ พันธมิตรธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์ทุกกลุ่มสินค้า Fashion, Beauty, Lifestyle, Entertainment, Food & Dining , Digital & Technology , Health & Wellness, Gold & Jewelry,  Financial Hub , Gourmet Market  ที่ร่วมเติบโตมากับเดอะมอลล์ จะร่วมสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ไปด้วยกัน เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่น
พร้อมกันนี้ ได้เพิ่ม Key Anchor ที่มีศักยภาพมาในการตอบโจทย์และยกระดับไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับการขยายของเมืองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อาทิ DONKI, HARBORLAND, MAJOR CINEPLEX, MUJI, NITORI, SF เป็นต้น ไม่รวมร้านค้าและแบรนด์ที่พัฒนาจากผู้ประกอบการใหม่อีกมากมาย ที่มาร่วมสร้างปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ของมหานครร่วมกัน
ในส่วนของการเผยโฉมการ Rebranding ครั้งใหม่ของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ในปีที่ 42 นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (MS. VORALAK TULAPHORN, CHIEF MARKETING OFFICER, THE MALL GROUP CO., LTD.) กล่าวว่า
“ได้เตรียมแผนการตลาดให้สอดคล้องกับโฉมใหม่ของเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และบางแค ให้สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายในย่านบางกะปิและบางแค ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อ 29 ปีที่เปิดให้บริการของเดอะมอลล์ ทั้ง 2 สาขาเมื่อปี 2537  โดยปัจจุบันย่านบางกะปิและบางแค มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอาศัยอยู่ จึงได้วาง Positioning เป็น “THE CAPITAL OF LIFE WONDERS” มหัศจรรย์ มหาศาล ที่มหานครแห่งใหม่ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และ บางแค
โดยเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ จะเป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฝั่งตะวันออก และ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค จะแลนด์มาร์กของกรุงเทพฝั่งตะวันตก ด้วยการคัดสรรสิ่งอํานวยความสะดวกที่ทันสมัย มอบประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ให้กับลูกค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ 
“A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE :  ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว” เพื่อสร้างมิติใหม่แห่งความสุข ด้วยความมหัศจรรย์ของประสบการณ์การช้อปปิ้งที่หลากหลาย และบรรยากาศการช้อปปิ้งที่นำนวัตกรรม เทคโนโลยี การตกแต่งที่ทันสมัยมาผสมผสานเข้ากับธรรมชาติ
เพื่อสร้างให้เป็นพื้นที่ที่มากกว่าศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์ความสุขสำหรับคนเมือง หรือ  "THE CAPITAL OF LIFE WONDERS"  ด้วย ‘มหัศจรรย์ความสุข’ (LIFE WONDERS) ที่มอบให้กับทุกครอบครัว ทุกไลฟ์สไตล์
ในส่วนเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญ และเป็นนวัตกรรมการช้อปปิ้ง เดอะมอลล์ มี M CARD เป็นเครื่องมือทางการตลาดสำคัญในการมอบ M Benefits ที่เพิ่มมูลค่าให้กับการช้อปปิ้ง โดยปัจจุบันมีฐานสมาชิกมากกว่า 5.3 ล้านราย มีคะแนนหมุนเวียนมากกว่า 1 หมื่นล้านคะแนนต่อปี พร้อมพัฒนา INNOVATION อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการตลาดให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีกว่า 470 ร้านค้า ผ่านบริการ Loyalty Platform ใหม่ล่าสุด
พร้อมเปิดตัว “M Business” เพื่อขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมให้กับลูกค้ายุคดิจิทัล ด้วยบัตรเดียวครบสำหรับทุกสิ่ง ทั้งช้อป กิน เที่ยว และสามารถสะสมคะแนน M Point เมื่อใช้จ่ายภายในศูนย์การค้าในเครือ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ร่วมรายการมากมาย
พร้อมแลกคะแนน M Point เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการช้อปปิ้งทั้งในห้างฯ และศูนย์การค้า รวมทั้งช้อปปิ้งออนไลน์กับ Monline.com หรือ Gourmetmarketthailand.com และรับสิทธิประโยชน์อื่นอีกมากมาย หวังสร้าง  M Experiences ที่เชื่อมต่อกันในทุกทัชพอยท์
โดยหวังว่า M Business จะเชื่อมโยงลูกค้าสมาชิกยุคดิจิทัลกับร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างกลไกทางการตลาดได้ตรงใจผู้บริโภคสูงสุด
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.