วิเคราะห์เหตุผล โครงการบ้าน-คอนโด ชอบตั้งชื่อ บางนา-สาทร ทั้งที่ไม่ได้อยู่ ในเขตนั้น

ปัจจุบันมีโครงการบ้าน-คอนโดมิเนียม ผุดขึ้นมากมาย ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

และหลายที่ตั้งชื่อโครงการโดยใช้ชื่อย่านสำคัญ ๆ ต่อท้าย เช่น โครงการ XXX บางนา
แต่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร ด้วยซ้ำ
แต่กลับอยู่ในพื้นที่ตำบลบางพลี หรือบางบ่อ ของจังหวัดสมุทรปราการ

หรือ โครงการ XXX สาทร-XXX
ที่ไม่ได้อยู่ในเขตสาทร แต่นำคำว่า สาทร มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อโครงการด้วย

จนช่วงหนึ่งชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งชื่อแบบนี้ ก็ถูกนำมาทำเป็นคอนเทนต์มีม จนเกิดเป็นไวรัล

ว่าเขตบางนา และเขตสาทร มีพื้นที่ใหญ่กว่าความเป็นจริงไปมาก

แล้วทำไม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ ถึงตั้งชื่อแบบนี้ ? ลองมาวิเคราะห์กัน..

บางโครงการที่ก่อสร้างในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น อยู่ในแนวรถไฟฟ้าพาดผ่าน
หรืออยู่ในเขตเศรษฐกิจชั้นใน ใกล้แหล่งสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า
และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ จะมีความได้เปรียบในการทำการตลาด

เพราะคนเราเมื่อต้องเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ก็มักจะเลือกที่อยู่อาศัยที่ใกล้สถานที่
ที่ตัวเองต้องเดินทางไปบ่อย ๆ เช่น ที่ทำงาน ตลาด ย่านการค้า หรือโรงพยาบาล หากครอบครัวมีผู้สูงอายุ

หรือถ้าเป็นที่อยู่อาศัยที่ห่างออกมาหน่อย ก็จะเลือกสถานที่ที่สะดวก เดินทางไปที่อื่นได้ง่าย
เช่น อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า อยู่ใกล้ทางด่วนหรือถนนสายหลัก

ดังนั้น โครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก จึงได้รับความสนใจจากลูกค้ามากกว่า
โครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลตัวเมืองออกไป

เพราะจุดขายเรื่องโลเคชันนี้เอง การทำการตลาดจึงทำได้ง่ายกว่าตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกหลายโครงการที่ไม่ได้ก่อสร้างในพื้นที่ทำเลทอง
จุดขายเรื่องโลเคชันของโครงการเหล่านี้ จึงหายไป

ด้วยเหตุนี้ หลาย ๆ โครงการจึงต้องหาวิธีทำการตลาด
เพื่อดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรู้จัก และสนใจโครงการของพวกเขาให้ได้

โดยวิธีหนึ่งที่เห็นได้บ่อยก็คือ การตั้งชื่อโครงการ ลงท้ายด้วยชื่อทำเลทองหรือทำเลที่เป็นที่รู้จัก
เช่น สาทร, สุขุมวิท, สีลม, สามย่าน, บางนา, ลาดพร้าว, รังสิต

ซึ่งการตั้งชื่อโครงการ โดยมีชื่อทำเลทองต่อท้าย เช่น โครงการ XXX สาทร-XXX
ย่อมทำให้คนที่มีความคิดจะซื้อที่อยู่อาศัยสนใจ และจดจำได้ง่ายมากขึ้น

เพราะโครงการนั้นแม้ไม่ได้อยู่ในย่านสาทร
แต่ก็สามารถเดินทางผ่านถนนด้านหน้าโครงการที่เชื่อมไปย่านสาทรได้โดยตรง

นอกจากนี้ การตั้งชื่อโครงการ ให้เป็นชื่อทำเลที่คุ้นหู เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
แม้ว่าตัวโครงการจะไม่ได้อยู่ในทำเลดังกล่าวโดยตรงก็ตาม

ยังมีประโยชน์ในด้านการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization อีกด้วย

โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก
แล้วยิ่งเป็นลูกค้าที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาค่อนข้างสูง

ลูกค้าก็ต้องอาศัยการหาข้อมูลจำนวนมาก เพื่อเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละโครงการ
จากนั้นจึงเดินทางไปดูบ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่ตัวเองสนใจ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ

โดย SEO ก็คือ การทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของผลการค้นหา

ลองนึกดูว่า เวลาเราเซิร์ชอะไรบางอย่างใน Google
เราก็มักจะกดดูเว็บไซต์เพียงไม่กี่เว็บไซต์ เพื่อหาข้อมูลที่ต้องการ

ซึ่งนั่นก็ทำให้เว็บไซต์อันดับแรก ๆ มีโอกาสที่คนจะกดเข้าไปเยี่ยมชมมากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับล่าง ๆ

และถ้ายิ่งเป็นเว็บไซต์เน้นขายสินค้าที่อยู่อันดับต้น ๆ ก็หมายถึงโอกาสขายสินค้าที่มากขึ้นด้วยนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ การทำ SEO จึงมีความสำคัญอย่างมาก
เพราะจะช่วยให้เว็บไซต์ของโครงการติดอันดับผลการค้นหาในหน้าแรก ๆ ได้ และโอกาสที่ลูกค้าจะคลิกเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของโครงการก็จะมากขึ้น

แล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ใช้วิธีอะไร ทำให้เว็บไซต์ของตัวเองติดหน้าผลการค้นหาในอันดับต้น ๆ ได้ ?

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของการค้นหา คือ การทำ Keyword Research
หรือการหาคีย์เวิร์ดที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้ในการค้นหาบ่อย ๆ

โดยคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าชอบใช้กันในการเซิร์ชหาข้อมูลบ้านหรือคอนโดมิเนียม
มักจะไม่ใช้ชื่อแบรนด์ แต่เป็นคำทั่วไปง่าย ๆ เช่น

- คอนโด ไม่เกิน 3 ล้าน
- คอนโด ติด bts
- บ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ

นอกจากนี้คีย์เวิร์ดยอดนิยม ที่ลูกค้าชอบใช้เซิร์ชหาข้อมูลบ้าน-คอนโดมิเนียมมากยิ่งกว่านั้น ก็คือ
ชื่อย่านทำเลต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เช่น คอนโด สาทร, คอนโด ศรีนครินทร์, บ้าน ย่านกรุงเทพกรีฑา

ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องใช้กลยุทธ์ตั้งชื่อโครงการ โดยใช้ชื่อทำเลดัง ๆ ต่อท้ายชื่อโครงการ
แม้ว่าบางโครงการจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทำเลนั้นเลยก็ตาม

แต่แม้จะไม่อยู่ในเขตนั้นตรง ๆ อย่างเช่น สาทร บางนา
แต่ถ้ามีความเชื่อมโยงกับเขตนั้นได้ ก็พอแล้ว เช่น มีถนนตัดผ่านหน้าบ้าน หน้าคอนโดมิเนียม ไปยังสาทร บางนา

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้โครงการของตัวเองถูกค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น

โดยเมื่อลูกค้าเซิร์ชชื่อคอนโดมิเนียม หรือหมู่บ้าน แล้วพิมพ์คีย์เวิร์ดเป็นชื่อทำเลต่อท้าย
โครงการที่มีคำค้นหาที่เกี่ยวข้องสูง ๆ ก็จะถูกนำมาโชว์ที่หน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Google ตามไปด้วย

ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของโครงการมากขึ้น
และโอกาสในการขายสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง..

อ้างอิง:
-https://nipa.co.th/th/article/google/
-https://www.brandingchamp.com/