ผ่าแนวคิด Personalised Learning ที่โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา ใช้แก้ปัญหาเรียนจบไม่ตรงสาย

ผ่าแนวคิด Personalised Learning ที่โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา ใช้แก้ปัญหาเรียนจบไม่ตรงสาย

26 มี.ค. 2024
หลายคนอาจจะคุ้นหูกับคำว่า Personalised Marketing หรือ การตลาดเฉพาะบุคคล
แต่จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อแนวคิด Personalised Learning หรือ การเรียนการสอนที่ออกแบบมาเฉพาะนักเรียนแต่ละคน ได้ถูกนำมาใช้ เพื่อพลิกโฉมห้องเรียนไทย พร้อมแก้ปัญหาเรียนแทบตาย แต่ไม่ได้ทำงานตรงสาย
นี่ไม่ใช่ไอเดียในฝัน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ในรั้วโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา
ที่มีเป้าหมาย คือ อยากสร้างเด็กให้โตเต็มศักยภาพบนเส้นทางที่เลือกเอง
อะไรคือ เบื้องหลังแนวคิด Personalised Learning ?
ทำไมแนวคิด Personalised Learning ถึงตอบโจทย์โลกการศึกษายุคนี้ ?
ไปหาคำตอบพร้อมกัน

เคยสงสัยไหมว่า ทั้งที่เด็กนักเรียนไทยเรียนหนักไม่แพ้ชาติใดในโลก
แต่ทำไมคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ยังไปไม่ถึงไหน
เห็นได้จาก ผลการสอบ PISA ปี 2565 ที่ประกาศออกมาปรับตัวลดลงในทุกหมวดวิชา
สำหรับเรื่องนี้คุณเศรษฐพล ไกรคุณาศัย ผู้อำนวยการโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา มองว่าหนึ่งในต้นตอของปัญหา มาจากรูปแบบการเรียนการสอนของไทย ที่ไม่ได้เปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นหาตัวเองอย่างเต็มที่
ทำให้แม้เด็กไทยจะเรียนหนัก นอกจากเรียนที่โรงเรียน ยังต้องไปเรียนเสริมตามโรงเรียนกวดวิชา
จนแทบไม่มีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอื่น ๆ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝันอยู่ดี หรือเรียนจบมา ก็ทำงานไม่ตรงสาย ​
เพื่อปลดล็อกปัญหาดังกล่าว นับตั้งแต่ LEARN Corporation ผู้นำด้าน Lifelong Learning EdTech สำหรับทุกวัย ตัดสินใจเข้ามาบริหารโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา เมื่อปี 2563
ก็มีไอเดียแล้วว่า อยากจะทำโรงเรียนมัธยมที่แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป
“ด้วยความที่เราไม่เคยทำโรงเรียน เคยทำแต่กวดวิชา OnDemand
ทำให้เราเห็นอินไซต์ของเด็กนักเรียนไทยและมีไอเดียว่า ในเมื่อเด็กนักเรียนที่มาเรียนกวดวิชากับเรา ใช้เวลาน้อยกว่าที่โรงเรียนตั้งเยอะ ยังสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจได้
ดังนั้น ถ้าเราจะทำโรงเรียนมัธยมสักแห่ง ก็อยากทำให้เป็นโรงเรียนที่เบ็ดเสร็จ
คือ บริหารเวลา 7-8 ชั่วโมงที่โรงเรียนของเด็ก ๆ ให้เต็มที่ โดยที่เด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนกวดวิชา แต่มีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมที่ชอบ”
จากโจทย์นี้เอง จึงกลายเป็นที่มาของการพัฒนาแนวคิด Personalised Learning หรือ การเรียนการสอนที่ออกแบบมาเพื่อเด็กแต่ละคนโดยเฉพาะ
เพราะเชื่อว่ารูปแบบการเรียนการสอนแบบ “One-Size-Fits-All” หรือ แนวทางการเรียนแบบเหมารวม ไม่สามารถตอบโจทย์โลกการศึกษาในยุคนี้อีกต่อไป
คำถามคือ แล้วจะสร้าง Personalised Learning ได้อย่างไร ?
จริง ๆ แล้ว หลักการเรื่องนี้ ก็คล้าย ๆ กับการทำการตลาด ที่ต้องตั้งต้นจากการหาอินไซต์ของลูกค้าให้เจอ
แต่สำหรับโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา คือ การช่วยเด็ก ๆ ตามหาเป้าหมายในชีวิต
แล้วออกแบบการเรียนการสอนให้เด็กแต่ละคนได้เลือกเรียนตามความชอบและความถนัดของตัวเอง
เพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เติบโตสูงสุด ภายใต้แนวคิด “Be the Best in Your Way”
โดยทางโรงเรียนจะมีเครื่องมือต่าง ๆ มาช่วยนักเรียนตามหาความสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นการประเมินบุคลิกภาพและความถนัด (RIASEC) โดยทีมครูจิตวิทยา
การเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเรียนตามความสนใจ ด้วยวิชาเลือกกว่า 40 วิชาในหลากหลายแขนง เปิดสอนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
การทำกิจกรรม I-Career Workshop ให้เด็กได้รู้จักอาชีพที่หลากหลาย ผ่านการสวมบทบาทตามสถานการณ์จำลอง และต่อยอดไปสู่การฝึกงานในสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงตามสายอาชีพที่สนใจ
“เราเชื่อว่า การเริ่มต้นที่ถูกต้อง ทำให้มีชัยไปกว่าครึ่ง
ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับการค้นหาตัวตน ตั้งแต่มัธยมต้นด้วยการหาเครื่องมือมาช่วยนักเรียน
เพื่อให้ค้นหาอาชีพในฝัน ที่ทำแล้วมีความสุข ดูแลตัวเองและครอบครัวได้ ที่สำคัญยังสร้างประโยชน์ให้สังคม”
หลังจากค้นหาตัวตนได้แล้ว ค่อยมาเลือกแผนการเรียน
โดยแบ่งเป็น 4 แผนการเรียน (Career Track) ให้เลือก ดังนี้
- General Health Science : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ และสุขภาพ
- Engineering & Technology : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจวิศวกรรม เทคโนโลยี และโปรแกรมคอมพิวเตอร์
- Commercial Arts : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจด้านศิลปะ ดนตรี และการออกแบบ
- Business, Social Sciences : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจด้านบริหารธุรกิจ และภาษาที่สาม

ทั้งนี้ ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าเลือกแผนแล้ว มารู้ตัวว่าไม่ชอบ จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้​ เพราะทางโรงเรียนเปิดโอกาสให้สามารถย้าย Track ได้จนถึง ม.5

“หลังจากใช้เวลาช่วงมัธยมต้น เรียนไปด้วย ค้นหาตัวเองไปด้วย จนเจอแล้ว
พอขึ้นมัธยมปลายมา ก็หายห่วง เพราะเรื่องวิชาการเป็นงานถนัดของเราอยู่แล้ว
แต่ข้อดีคือ พอเด็ก ๆ ค้นหาตัวเองเจอ กลายเป็นว่า เขาไม่ได้แค่สอบติดคณะที่ชอบ
แต่ยังมีแพสชันกับมหาวิทยาลัยที่เข้าไปจริง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจ และแตกต่างจากโรงเรียนอื่น ๆ”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนความสามารถด้านภาษา ก็ไม่ต้องกังวล
แม้โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนาจะเป็นโรงเรียนไทย แต่นักเรียนจะได้รับการพัฒนาด้านภาษาให้คล่องแคล่วทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จากหลักสูตรที่ได้มาตรฐานสากลอย่าง Cambridge International School
รวมทั้งเตรียมความพร้อมสู่รั้วมหาวิทยาลัยนานาชาติและต่างประเทศ
ด้วยการฝึกทำข้อสอบ IELTS พร้อมฝึกฝนการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดโอกาสสู่โลกกว้างผ่านซัมเมอร์แคมป์และกิจกรรมเวิร์กช็อปต่าง ๆ ร่วมกับ APPA
สำหรับหลักสูตรของโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา แบ่งออกเป็น 3 หลักสูตร
- Signature Programme
- International Signature Programme
- International Programme (US Dual Diploma) หลักสูตรควบ 2 วุฒิการศึกษา
ซึ่งโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนาร่วมมือกับโรงเรียน Washington Academy สหรัฐอเมริกา
โดยผู้เรียนจะได้รับวุฒิ High School Diploma ควบคู่กับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ทั้งนี้หลังจากโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนานำรูปแบบการเรียนการสอนแบบ “Personalised Learning” มาใช้ จนเห็นผลผลิตของนักเรียน ต้องบอกว่า มาถูกทาง

พิสูจน์ได้จากผลสอบล่าสุดในปีการศึกษา 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผ่านการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 99%
โดยในจำนวนนี้มี 70% ที่ผ่านตั้งแต่รอบ Portfolio และรอบ Quota
หนึ่งในตัวอย่างที่เป็นผลผลิตจากการบ่มเพาะของโรงเรียน คือ อากิ-ไทวิจิตร สิทธิสันต์ นักเรียนจากสาย Engineering Track
ที่สอบติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหิดล คณะ Computer Engineering ปีการศึกษา 2567 กล่าวว่า
“ผมเคยกังวลกับการเรียนวิชาเคมี ที่ไม่เคยเรียน รวมถึงวิชาที่สอนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน กลัวจะตามเพื่อนไม่ทัน
แต่เพราะได้ Resource จากโรงเรียนอย่างคอร์สเรียนจาก OnDemand และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อน ๆ และคุณครู จึงช่วยให้ผมตามทัน และเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยได้ทัน”
นอกจากผลลัพธ์ที่สะท้อนผ่านความสำเร็จของนักเรียน ยังพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครองมีความเข้าใจกันมากขึ้น
เนื่องจากเด็กได้ค้นพบแนวทางที่เหมาะสมและมีความสุข
ขณะที่ผู้ปกครองได้มีโอกาสทำความเข้าใจถึงความต้องการและความถนัดของเด็ก
เพื่อร่วมกันวางแผนสู่เส้นทางอนาคตที่ต้องการ
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นไปตามเป้าหมายของโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา ที่มุ่งมั่นพัฒนาการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการศึกษา และขับเคลื่อนเด็กไทยให้เท่าทัน ที่ไม่ได้มองแค่ผลชี้วัดของการเรียน
แต่ต้องการสร้างนักเรียนให้พร้อมก้าวสู่การเป็นประชากรโลก (Global Citizen) โดยไม่หลงลืมรากเหง้าตามแนวคิด “Global Head, Local Heart”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแม้แนวคิด Personalised Learning มีการนำมาปรับใช้เฉพาะนักเรียนในระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายของโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนาเท่านั้น
แต่ในอนาคต คุณเศรษฐพล แย้มว่า มีแผนจะต่อยอดให้ครอบคลุมเด็กทุกช่วงวัยมากยิ่งขึ้น
ผ่านการขยายการดูแลไปจนถึงระดับชั้นอนุบาลและประถมศึกษา
รวมถึงขยายโอกาสในการเข้าถึง Personalised Learning ให้มากขึ้น โดยการขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ
สำหรับใครที่สนใจ อยากติดตามรายละเอียดของโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lsp.ac.th, Facebook : LSP Learn Satit Pattana, LINE : @lspschool
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.