สรุปไอเดียทำการตลาด ให้ถูกใจลูกค้า “Introvert vs Extrovert” พร้อมตัวอย่างจาก แบรนด์ดังญี่ปุ่น

สรุปไอเดียทำการตลาด ให้ถูกใจลูกค้า “Introvert vs Extrovert” พร้อมตัวอย่างจาก แบรนด์ดังญี่ปุ่น

16 พ.ค. 2025
-Introvert และ Extrovert คือคำที่ใช้เรียกคน 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามทฤษฎีบุคลิกภาพ ของคุณ Carl Gustav Jung นักจิตวิทยาชาวเยอรมันชื่อดัง
โดยที่สรุปแบบสั้น ๆ คนที่เป็น Introvert และ Extrovert จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Introvert
จะเป็นคนที่รู้สึกเหมือนได้ชาร์จพลังหากอยู่กับตัวเอง ชอบอยู่คนเดียว ได้ใช้เวลาของตัวเองอย่างสงบ และจะรู้สึกหมดแรงหากต้องอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ หรือทำกิจกรรมกับคนจำนวนมาก
- Extrovert
จะเป็นคนที่ได้ชาร์จพลังหากอยู่กับคนรอบตัว ได้ทำกิจกรรม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก และจะรู้สึกเหงาเมื่ออยู่คนเดียว
ซึ่งในเมื่อคนบนโลกนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ นั่นก็หมายความว่า กลยุทธ์การตลาดสำหรับคนทั้ง 2 กลุ่ม ก็ต้องมีความแตกต่างกันไปด้วย
แล้วการตลาดสำหรับคนที่เป็น Introvert และ Extrovert มีความแตกต่างกันอย่างไร ?
- กลยุทธ์การตลาด สำหรับลูกค้า Introvert
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าคนที่เป็น Introvert จะชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มากกว่าการทำกิจกรรม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก
ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะกับคนที่เป็น Introvert จึงควรมี “คน” เข้ามาเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด
โดยตัวอย่างของกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะกับคนที่เป็น Introvert ก็อย่างเช่น
1. ทำการตลาดด้วย Content Marketing หรือ Social Media Marketing
โดย Content Marketing หมายถึง การทำการตลาดผ่านคอนเทนต์ชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างการรับรู้ ปฏิสัมพันธ์ ยอดขาย รวมถึงสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ผ่านคอนเทนต์ชนิดต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็น การเขียนบล็อกสั้น ๆ หรือบทความยาว ๆ บนเว็บไซต์ การลงรูปภาพ คลิปวิดีโอ พอดแคสต์ การส่งคอนเทนต์ไปยังอีเมลของลูกค้า หรือรีวิวการใช้งานจริงจากลูกค้า (Testimonial / Case Study)
ซึ่งจุดเด่นอย่างหนึ่งของ Content Marketing ก็คือ การให้ข้อมูลของแบรนด์หรือสินค้าอย่างละเอียด ทำให้คนที่เป็น Introvert สามารถอ่านแล้วได้ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจได้อย่างเพียงพอ และสามารถตัดสินใจซื้อได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น ๆ เช่น
- การติดต่อพนักงานผ่านการแชต
- การพิมพ์คอมเมนต์เพื่อถามความเห็นในเพจของแบรนด์
- การสอบถามข้อมูลจากคนรอบตัว
- การสอบถามข้อมูลจากพนักงานขายที่หน้าร้าน
ซึ่งการทำคอนเทนต์นี้ ยังหมายรวมถึงใช้กลยุทธ์ Social Media Marketing ที่ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการทำการตลาด ทั้งการโพสต์ข้อความ รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอ
เพราะคนที่เป็น Introvert มักใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ตามความสนใจของตัวเองอยู่แล้ว
2. เน้นการขายสินค้าผ่าน E-Commerce ไม่เน้นการขายผ่านช่องทางออฟไลน์
เช่น การขายสินค้าผ่าน Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop เพราะช่องทางเหล่านี้ คนที่เป็น Introvert สามารถซื้อสินค้าได้ด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่การค้นหาสินค้า การดูรายละเอียด ไปจนถึงการสั่งซื้อ โดยไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ หรือพนักงานขายด้วยตัวเอง
แตกต่างจากการขายสินค้าผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น การซื้อสินค้าจากหน้าร้าน ที่ต้องมีการพูดคุยกับพนักงานขายโดยตรง
3. ใช้กลยุทธ์ Personalized Marketing
นอกจากการใช้กลยุทธ์ข้างต้นแล้ว เรายังสามารถใช้กลยุทธ์ Personalized Marketing ร่วมด้วย เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ หรือข้อมูลที่ตรงใจกับความต้องการของคนที่เป็น Introvert แต่ละคนได้
เช่น การใช้กลยุทธ์ SEO ที่ทำคอนเทนต์ตามคีย์เวิร์ดที่คนจะค้นหาบนเซิร์ชเอนจิน เพื่อให้คนที่เป็น Introvert ได้ข้อมูลตามความสนใจของตัวเอง
หรือการส่งอีเมลที่มีการปรับแต่งคอนเทนต์ ตามความสนใจของลูกค้าแต่ละคน
นอกจาก 3 กลยุทธ์ข้างต้น ยังมีทริกเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยคือ ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใดกับลูกค้าที่เป็น Introvert
เรื่องที่ควรให้ความสำคัญคือ การให้ข้อมูลที่ละเอียด และครบถ้วน เพื่อช่วยให้คนที่เป็น Introvert สามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ
ซึ่งจริง ๆ แล้ว กลยุทธ์การตลาดสำหรับคนที่เป็น Introvert ที่ยกตัวอย่างไป เป็นการตลาดแบบ Low Interaction Marketing หรือการตลาดที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ในระดับต่ำ
เพื่อให้คนที่เป็น Introvert ได้ใช้เวลากับตัวเองเพื่อตัดสินใจซื้อ ให้ได้มากที่สุด
ซึ่งจะตรงข้ามกับ High Interaction Marketing ที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ในระดับสูง ซึ่งอาจเหมาะกับคนที่เป็น Extrovert มากกว่า
โดยตัวอย่างของแบรนด์ที่ทำการตลาดได้เหมาะกับคนที่เป็น Introvert ก็อย่างเช่น
- Yakiniku Like
ร้านปิ้งย่างจากประเทศญี่ปุ่น ที่วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้คนและพบว่าจริง ๆ แล้ว ยังมีคนที่ต้องการกินปิ้งย่างคนเดียว อยู่เป็นจำนวนมาก
โดยสิ่งที่ Yakiniku Like ทำ ก็มีทั้งการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์รูปภาพที่นำเสนอความเป็นปิ้งย่าง สำหรับคนที่เป็น Introvert โดยเฉพาะ เพราะสามารถกินปิ้งย่างคนเดียวได้ ไม่ต้องกินกับเพื่อน ๆ
รวมถึงการสร้างประสบการณ์ภายในร้านก็เหมาะกับคนที่เป็น Introvert เช่นกัน คือ การมีที่นั่งแบบที่เดียว แยกเตาปิ้งกับคนอื่น ๆ และยังสามารถสแกนสั่งอาหารได้ด้วยตัวเองผ่าน QR Code โดยไม่ต้องคุยกับพนักงาน
- IKEA
ที่ให้ลูกค้าทำทุกอย่างด้วยตัวเองในทุก ๆ Touch Point ตั้งแต่เว็บไซต์ที่บอกข้อมูลของเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านทุกชิ้นอย่างละเอียด พร้อมให้ลูกค้าสั่งซื้อและนำไปประกอบด้วยตัวเองที่บ้านได้ทันที
หรือบอกตำแหน่งที่ตั้งของสินค้าภายในโกดังอย่างละเอียด ในกรณีที่ลูกค้าต้องการไปรับสินค้าด้วยตัวเอง
รวมถึงการเดินดูสินค้าภายในโชว์รูม การหยิบสินค้าที่โกดัง ไปจนถึงการจ่ายเงินแบบ Cashless ที่จะไม่มีพนักงานของ IKEA เข้ามาเกี่ยวข้องเลยในทุกขั้นตอน ยกเว้นลูกค้าต้องการเรียกพนักงานเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงเหมาะกับลูกค้าที่เป็น Introvert มากเป็นพิเศษ
- กลยุทธ์การตลาด สำหรับลูกค้า Extrovert
ด้วยความที่คนที่เป็น Extrovert จะชื่นชอบการเข้าสังคม ชอบทำกิจกรรม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก ทำให้กลยุทธ์การตลาด ที่ใช้สำหรับคนที่เป็น Extrovert จะเน้นไปที่การสร้างการมีส่วนร่วม หรือปฏิสัมพันธ์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น
1. ทำการตลาดด้วย Social Media Marketing
ซึ่งการทำการตลาดด้วย Social Media Marketing ของคนที่เป็น Extrovert นั้นจะมีความแตกต่างจาก Introvert โดยเน้นไปที่การสร้างการมีส่วนร่วม และปฏิสัมพันธ์เป็นหลัก
เช่น การทำคอนเทนต์ไวรัลที่กระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ต่อ ร่วมสนุก หรือบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเอง
รวมถึงการทำคอนเทนต์สอบถามความคิดเห็นของลูกค้า เช่น โพลที่ให้ลูกค้าโหวตสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบ
หรือการทำคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้ลูกค้าร่วมสนุก ด้วยการพิมพ์คอมเมนต์เพื่อแสดงความคิดเห็นร่วมกับคนอื่น ๆ
รวมถึงการใช้กลยุทธ์ User Generated Content (UGC) หรือคอนเทนต์ที่คนทั่ว ๆ ไป เป็นผู้ทำขึ้น เช่น คอนเทนต์แกะกล่องสินค้า รีวิว การแชร์ประสบการณ์จากการใช้จริง ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่มีความน่าสนใจ มากกว่าคอนเทนต์ที่แบรนด์เป็นผู้ทำขึ้นเอง
จากความรู้สึกอยากแชร์ อยากแสดงความคิดเห็น อยากบอกต่อ หรืออยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ของคนที่เป็น Extrovert
ในขณะที่แบรนด์ก็จะได้คอนเทนต์แบบ “ออร์แกนิก” ที่มีความน่าสนใจ มากกว่าคอนเทนต์แค่ขายของแบบตรง ๆ
2. ใช้กลยุทธ์ Event Marketing
กลยุทธ์การตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้การจัดกิจกรรม หรืองานอิเวนต์ต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมเวิร์กช็อป งานประชุม ออกบูท โรดโชว์ หรืองานเปิดตัวสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้ หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์
โดยที่การใช้กลยุทธ์ Event Marketing จะช่วยให้คนที่เป็น Extrovert สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ หรือกับลูกค้าคนอื่น ๆ ได้ ตามธรรมชาติของคนที่เป็น Extrovert ซึ่งมีพลังเมื่อได้อยู่ท่ามกลางผู้คน
ในขณะเดียวกัน การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ยังเป็นการทำให้เกิดการรวมกลุ่มของคนที่มีความชอบแบบเดียวกัน เช่น
คนที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยง
คนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ
คนที่ชื่นชอบนักแสดงคนเดียวกัน
เป็นเหมือนการสร้างคอมมิวนิตี ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ได้อีกด้วย
3. ใช้กลยุทธ์ Experiential Marketing สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม
เป็นกลยุทธ์การตลาดผ่านการสร้างประสบการณ์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ จนเกิดเป็นความประทับใจในระยะยาว
โดยประสบการณ์ที่แบรนด์สามารถสร้างได้ก็มีทั้ง การจัดกิจกรรม การสร้างบรรยากาศให้ลูกค้าได้สัมผัสภายในร้าน รวมถึงการจัดกิจกรรมแบบ Interactive Experience ที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์จากแบรนด์
ทำให้คนที่เป็น Extrovert สามารถรับประสบการณ์จากแบรนด์ได้ ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่แบรนด์ออกแบบเอาไว้
โดยตัวอย่างของแบรนด์ที่ทำการตลาดได้เหมาะกับคนที่เป็น Extrovert ก็อย่างเช่น
- Katsu Midori
ถ้าใครเคยไปกิน Katsu Midori ซูชิสายพานสัญชาติญี่ปุ่นในไทย จะพบว่ามีการสร้างบรรยากาศภายในร้าน ที่เหมาะกับคนที่เป็น Extrovert อยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
การจัดโปรโมชัน “นาทีทอง” เพื่อลดราคาเมนูดัง ๆ โดยพนักงานจะประกาศผ่านไมโครโฟน และให้ลูกค้าที่สนใจยกมือขึ้น เพื่อแย่งกันซื้อเมนูนาทีทอง ที่มีจำนวนจำกัด
รวมถึงมีเมนูพิเศษอย่าง “อิคุระหน้าล้น” ที่มีกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ พนักงานจะประกาศขอบคุณลูกค้าที่สั่งเมนูผ่านไมโครโฟน และพนักงานจะมาตักไข่ปลาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ พร้อมทั้งชวนลูกค้านับจำนวนช้อนที่ตักไข่ปลาไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่งบรรยากาศภายในร้าน Katsu Midori Sushi นี้ ก็คือการสร้างประสบการณ์ ที่กระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ ทั้งระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ รวมถึงลูกค้ากับลูกค้าด้วยกันเอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่คนที่เป็น Extrovert จะชื่นชอบ
- SC Asset
เคยออกแบบบ้านสำหรับคนที่เป็น Extrovert โดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงที่ พื้นที่สำหรับใช้งานร่วมกันภายในบ้านมีขนาดใหญ่
เช่น พื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับห้องครัว เพื่อรองรับการจัดปาร์ตี สังสรรค์ สำหรับคนที่เป็น Extrovert โดยเฉพาะ หรือใช้ทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างคนในครอบครัว
ทั้งหมดนี้ คือกลยุทธ์การตลาดสำหรับคนที่เป็น Introvert และ Extrovert ที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำไปใช้เป็นไอเดีย สำหรับทำการตลาดที่เหมาะกับลูกค้า แต่ละรูปแบบของตัวเองได้ เพื่อมัดใจลูกค้าให้ได้มากที่สุด
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.