
สรุปสูตรเขียน Marketing Plan วางแผนทำการตลาด ให้ไม่หลงทาง จากมหาวิทยาลัย Harvard
28 พ.ค. 2025
Marketing Plan หรือการวางแผนการตลาด เป็นกระบวนการแรกก่อนเริ่มลงมือทำการตลาดจริง เป็นเหมือนการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อทำการตลาด ให้ประสบความสำเร็จ
หรือเรียกได้ง่าย ๆ ว่า Marketing Plan ก็เป็นเหมือน Google Maps ที่ใช้เป็นแผนที่ ช่วยทำการตลาดแบบไม่หลงทางนั่นเอง
แล้วการวางแผนการตลาดหรือ Marketing Plan ที่ดีควรทำอย่างไร ?
อธิบายก่อนว่า Marketing Plan เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว
ดังนั้นหากลองนำคำว่า Marketing Plan ไปค้นหาในเซิร์ซเอนจิน ก็จะพบกับ Marketing Plan ที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นหากลองนำคำว่า Marketing Plan ไปค้นหาในเซิร์ซเอนจิน ก็จะพบกับ Marketing Plan ที่แตกต่างกันไป
แต่ในโพสต์นี้ เราจะโฟกัสไปที่ Marketing Plan ตามที่ Harvard Business School ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจและการตลาด Top 10 ของโลก ได้เคยอธิบายไว้ มาสรุปให้อ่านกันแบบง่าย ๆ
โดยที่ Harvard Business School มีวิธีในการทำ Marketing Plan ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน โดยมีเพียงแค่ 4 ขั้นตอนเท่านั้น ได้แก่
___________________________________________
- ขั้นตอนที่ 1 กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์
เป็นขั้นตอนแรกของการทำ Marketing Plan เป็นเหมือนการปักหมุดก่อนว่าจริง ๆ แล้ว เราทำการตลาดไปเพื่ออะไร มีความต้องการ มีเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
โดยตัวอย่างของการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ ของการทำการตลาด ก็อย่างเช่น
- ต้องการสร้าง Awareness ทำให้คนทั่วไปรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น
- ต้องการ Conversion หรือยอดขาย
- ต้องการ Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์
- ต้องการ Subscriber หรือเพิ่มผู้ติดตามให้มากขึ้น
- ต้องการเข้าถึง Target ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเข้าถึงได้มาก่อน
- ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ก่อนเป็นอันดับแรก ก็เป็นเพราะความต้องการในการทำการตลาดแต่ละแบบ ย่อมมีวิธีหรือกลยุทธ์ที่จำเป็นต้องใช้แตกต่างกัน
การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ จึงเป็นเหมือนการทำให้เราได้เริ่มพิจารณาด้วยว่า จะต้องใช้วิธีหรือกลยุทธ์ใด เพื่อทำให้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ประสบความสำเร็จได้
___________________________________________
- ขั้นตอนที่ 2 เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ พร้อมวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายนั้น
ด้วยความที่กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน กลยุทธ์การตลาดแบบเดียว จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มได้
สิ่งที่ต้องทำในลำดับถัดมาก็คือ การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการในการทำการตลาด พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นใคร มีลักษณะ หรือพฤติกรรมอย่างไร
โดยสิ่งที่ต้องพิจารณา ก็มีทั้ง
- พิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร
โดยใช้ Demographic แบบง่าย ๆ เช่น เพศ อายุ อาชีพ ภูมิลำเนา ระดับการศึกษา หรือรายได้
โดยใช้ Demographic แบบง่าย ๆ เช่น เพศ อายุ อาชีพ ภูมิลำเนา ระดับการศึกษา หรือรายได้
- วิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย
เช่น พฤติกรรมการซื้อสินค้า เช่น ซื้อที่ไหน ซื้อบ่อยแค่ไหน ซื้อเยอะแค่ไหน หรือซื้อแพงแค่ไหน
เช่น พฤติกรรมการซื้อสินค้า เช่น ซื้อที่ไหน ซื้อบ่อยแค่ไหน ซื้อเยอะแค่ไหน หรือซื้อแพงแค่ไหน
- วิเคราะห์ปัจจัยที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
เช่น ซื้อเพราะการออกแบบที่สวยงาม ซื้อเพราะแบรนด์ หรือซื้อเพราะประโยชน์ใช้สอยที่ดี
เช่น ซื้อเพราะการออกแบบที่สวยงาม ซื้อเพราะแบรนด์ หรือซื้อเพราะประโยชน์ใช้สอยที่ดี
หรืออาจใช้ STP Marketing ซึ่งเป็นทฤษฎีการตลาด ใช้จำแนกและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย สำหรับทำการตลาดอย่างตรงจุด ร่วมด้วยก็ได้
โดย STP Marketing จะประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ คือ
- Segmentation (การแบ่งกลุ่มผู้บริโภค)
- Targeting (การเลือกกลุ่มเป้าหมาย)
- Positioning (การกำหนดตำแหน่งของแบรนด์)
___________________________________________
- ขั้นตอนที่ 3 กำหนด Value Proposition ของตัวเอง
ซึ่ง Value Proposition ก็คือ คุณค่าที่แบรนด์นำเสนอให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองความต้องการ การมอบประสบการณ์ หรือประโยชน์ใช้สอย ที่ลูกค้าจะได้รับ เป็นการสร้างความแตกต่างระหว่างแบรนด์กับคู่แข่ง ในมุมมองของลูกค้า
โดยในขั้นตอนนี้ Harvard Business School แนะนำว่า หากต้องการกำหนด Value Proposition สิ่งที่แบรนด์ต้องวิเคราะห์ต่อก็คือ
- Target Audience กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือใคร
- Unique Value อะไรคือคุณค่าที่แตกต่างของแบรนด์
- Competitive Set คู่แข่งของแบรนด์คือใคร
- Justification for Brand Value เหตุผลที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อใน Unique Value ของแบรนด์คืออะไร
___________________________________________
- ขั้นตอนที่ 4 กำหนด KPI สำหรับการวัดผลให้ชัดเจน
เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำ Marketing Plan แบบ Harvard Business School คือการกำหนด KPI ที่จะใช้วัดผล ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ในขั้นตอนแรก
ตัวอย่างเช่น หาก Marketing Plan ที่วางแผนเอาไว้ต้องการ Conversion
ก็อาจวัดผลด้วย Conversion Rate ซึ่งคำนวณได้จากสูตร Conversion Rate = (จำนวนการสั่งซื้อสินค้า / จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด) x 100
โดยอาจมี KPI ระบุไว้ว่า Conversion Rate ต้องเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 30% เป็นต้น
หรือหากต้องการ Traffic เข้ามายังเว็บไซต์ ก็ควรกำหนด KPI เป็น ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ หรือ Click-Through Rate (CTR) ซึ่งคำนวณได้จากสูตร CTR = (ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ / ยอดการมองเห็นคอนเทนต์ทั้งหมด) x 100
___________________________________________
ซึ่งหลังจากทำตาม 4 ขั้นตอนนี้แล้ว ก็จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการทำการตลาดได้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่รู้เป้าหมาย รู้ความต้องการ รู้จักลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย รู้จุดแข็งและคู่แข่งของตัวเอง และรู้ด้วยว่าเมื่อทำการตลาดจริง ๆ แล้ว จะต้องมีการวัดผลอย่างไร
ทำให้เราสามารถนำ Marketing Plan แบบนี้ ไปใช้เป็น “แผนที่” เพื่อนำทางในการทำการตลาด ไม่ให้หลงทาง เหมือนมี Google Maps คอยช่วยนั่นเอง..