
UNO! Coffee แบรนด์ใหม่มาแรง ใช้กาแฟเกอิชา ขายแก้วละ 85 บาท คนต่อแถวซื้อ เป็นชั่วโมง
30 พ.ค. 2025
ตอนนี้มีร้านกาแฟชื่อว่า UNO! Coffee เป็นร้านกาแฟพรีเมียมเพิ่งเปิดใหม่ ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และเรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดียอย่างมาก
เพราะมีเมนู “พรีเมียม อเมริกาโน” ที่ใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ “เกอิชา” ที่มีราคาขายหลายพันถึงหลายหมื่นบาทต่อกิโลกรัม มาชงขายในราคาแก้วละ 85 บาท
ทำให้ร้าน UNO! Coffee กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว ในแบบที่ว่าสามารถขายไปได้ทั้งหมด 800 แก้ว ตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน
เรื่องราวของ UNO! Coffee ถือว่าน่าสนใจมาก ๆ ทั้งในมุมการโปรโมตให้คนรู้จักแบรนด์ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน, การทำ CI ของแบรนด์ให้ดูสนุก เข้าถึงง่าย
ไปจนถึงเทคนิคการควบคุมต้นทุน ให้สามารถขายกาแฟคุณภาพสูงในราคาถูกได้
แล้ว UNO! Coffee ทำได้อย่างไร ?
- เกชา (Gesha) หรือที่หลายคนเรียกอีกชื่อว่า เกอิชา (Geisha) คือ กาแฟสายพันธุ์หนึ่ง ถูกค้นพบในประเทศเอธิโอเปีย มีความพิเศษคือ จะให้ความหอมเหมือนดอกไม้ และมีรสเปรี้ยวเหมือนผลไม้
แต่กาแฟเกอิชาจะมีความซับซ้อนในขั้นตอนการผลิต เลยทำให้มีราคาต่อกิโลกรัมค่อนข้างสูง
ซึ่งมีข้อมูลว่า กาแฟสายพันธุ์เกอิชา มีราคาซื้อ-ขายกันสูงถึง กิโลกรัมละหลายพันไปจนถึงหลายหมื่นบาท
ซึ่งมีข้อมูลว่า กาแฟสายพันธุ์เกอิชา มีราคาซื้อ-ขายกันสูงถึง กิโลกรัมละหลายพันไปจนถึงหลายหมื่นบาท
ทำให้ปกติแล้ว กาแฟเกอิชา จะมีราคาขายต่อแก้วเริ่มต้นที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาทเลยทีเดียว
- คำถามต่อมาคือ แล้วทำไม UNO! Coffee ถึงขายกาแฟเกอิชา ในราคาแก้วละ 85 บาทได้ ?
UNO! Coffee บอกเคล็ดลับการคุมต้นทุนของแบรนด์เอาไว้ว่า ทางแบรนด์จะอาศัยการซื้อเมล็ดกาแฟต่อครั้งในปริมาณเยอะ ๆ เพื่อทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง
ถ้าเอาตามตำรา เรื่องนี้ก็คือ Economies of Scale หรือ การประหยัดต่อขนาด เป็นทฤษฎีที่บอกว่ายิ่งเราสั่งซื้อ หรือผลิตวัตถุดิบครั้งละเยอะ ๆ จะยิ่งทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง
ซึ่ง UNO! Coffee ใช้ประโยชน์จากต้นทุนที่ถูกลงตรงนี้ มาทำราคาขายของเมนู “พรีเมียม อเมริกาโน” ให้ถูกลง จนสามารถขายกาแฟเกอิชา ในราคาแก้วละ 85 บาทได้
- และสาเหตุที่ UNO! Coffee ต้องตั้งราคาของเมนูดังกล่าวให้ถูกแค่แก้วละ 85 บาท แทนที่จะตั้งราคาขายแพง ๆ เพื่อเอาส่วนต่างกำไรเยอะ ๆ จากต้นทุนที่ถูก
ส่วนหนึ่งก็เป็นไปตามคอนเซปต์ตั้งต้นของแบรนด์อย่าง “Great Coffee for All” ที่อยากทำแบรนด์กาแฟพรีเมียมในราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้
แต่อีกมุมหนึ่ง UNO! Coffee ยังสามารถใช้เมนู “พรีเมียม อเมริกาโน” ที่ขายราคาถูกมาก มาใช้เป็นกลยุทธ์ Loss Leader คอยดึงลูกค้าเข้ามาในร้าน เพื่อให้เมนูอื่น ๆ มีโอกาสจะขายดีขึ้นได้ด้วย
คล้าย ๆ เคสของไก่ย่างใน Makro ที่ขายในราคาถูกมาก ตัวละ 109 บาท และใช้เมนูนี้ดึงคนเข้ามาเดินใน Makro ทำให้คนเห็นสินค้าชิ้นอื่น ๆ และมีโอกาสซื้อติดมือไปมากขึ้น
ซึ่งถ้าดูจากกระแสของ UNO! Coffee จะเห็นได้ว่าเมนู พรีเมียม อเมริกาโน จะเป็นพระเอกที่แบรนด์ใช้ดึงลูกค้าเข้าร้าน และมีส่วนในการทำให้คนรู้จักเมนูอื่น ๆ ในร้าน เช่น กาแฟมะม่วงลิ้นจี่ หรือ บานอฟฟีลาเต้ มากขึ้น
ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็นเมนูฮิตที่ได้กระแสตอบรับดี ไม่แพ้เมนู พรีเมียม อเมริกาโน เลย..
- อีกอย่างที่น่าสนใจของ UNO! Coffee ก็คือ เรื่องวิธีการโปรโมตแบรนด์ ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน
UNO! Coffee ใช้วิธีสร้าง Awareness ให้คนรู้จักแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งบน Instagram และ TikTok
UNO! Coffee ใช้วิธีสร้าง Awareness ให้คนรู้จักแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งบน Instagram และ TikTok
โดยคอนเทนต์หลัก ๆ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Brand Story ว่ามีคอนเซปต์อย่างไร, มีจุดเริ่มต้นแบบไหน และมีปัญหาตรงไหนบ้างก่อนจะเปิดร้าน ?
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังมีการแทรกคอนเทนต์แนว Educate เล่าความเป็นมาของเมล็ดกาแฟเกอิชาว่า
มีรสชาติอย่างไร ทำไมถึงเป็นกาแฟพรีเมียม ในสไตล์ที่สนุกและเข้าใจง่าย
มีรสชาติอย่างไร ทำไมถึงเป็นกาแฟพรีเมียม ในสไตล์ที่สนุกและเข้าใจง่าย
กระตุ้นให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมไปกับแบรนด์ ก่อนจะกลายเป็นไวรัลตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน
ซึ่งถ้าดูจากกระแสของแบรนด์ ณ ตอนนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่ากลยุทธ์แบบนี้ประสบความสำเร็จไม่น้อยเลย..
ซึ่งถ้าดูจากกระแสของแบรนด์ ณ ตอนนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่ากลยุทธ์แบบนี้ประสบความสำเร็จไม่น้อยเลย..
- ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ
UNO! Coffee อยู่ในเครือ “Rocks PC” ที่มีแบรนด์อย่าง Potato Corner และ Khao-Sō-i ข้าวโซอิ ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว
ซึ่งก็น่าสนใจมาก ๆ ว่า แบรนด์นี้จะเป็นม้ามืดมาแรงเหมือนร้านกาแฟอย่าง ONE TO TWO ที่โตระเบิดเมื่อปีที่แล้วไหม
แต่ก็แน่นอนว่า ตอนนี้คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ ผู้บริโภคที่จะมีตัวเลือกสำหรับร้านกาแฟเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
Tag:UNO! Coffee