
Facebook Reels ยกเลิก การสร้างรายได้ 31 ส.ค.นี้ แล้วครีเอเตอร์ จะสร้างรายได้ แบบไหนได้อีก ?
12 มิ.ย. 2025
ก่อนหน้านี้ Facebook ได้ประกาศ เปลี่ยนแปลงนโยบายการหารายได้จากการทำคอนเทนต์ Reels ของครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม โดยมีใจความหลัก ๆ คือ
Facebook จะยกเลิกการสร้างรายได้ของครีเอเตอร์ ใน 3 วิธีหลัก คือ
1. In-Stream Ads
คือ โฆษณาทั้งที่เป็นรูปภาพหรือคลิปวิดีโอ ที่ปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ ทั้งก่อน หลัง และระหว่างการเล่นคลิปวิดีโอ
คือ โฆษณาทั้งที่เป็นรูปภาพหรือคลิปวิดีโอ ที่ปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ ทั้งก่อน หลัง และระหว่างการเล่นคลิปวิดีโอ
2. Ads on Reels
คือ โฆษณา ทั้งที่เป็นคลิปวิดีโอ หรือแบนเนอร์ ที่ปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ ระหว่างการเล่นคลิป Reels
คือ โฆษณา ทั้งที่เป็นคลิปวิดีโอ หรือแบนเนอร์ ที่ปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ ระหว่างการเล่นคลิป Reels
ซึ่งทั้ง In-Stream Ads และ Ads on Reels นี้ ครีเอเตอร์จะได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโฆษณาตามยอดวิวที่เข้าเงื่อนไข ในอัตราที่ Facebook เป็นผู้กำหนดขึ้น
3. Performance Bonus Programs
คือ การจ่ายโบนัส ให้กับโพสต์ประเภทต่าง ๆ บน Facebook ยกเว้น Reels และ Stories ตาม Performance ของคอนเทนต์นั้น ๆ
คือ การจ่ายโบนัส ให้กับโพสต์ประเภทต่าง ๆ บน Facebook ยกเว้น Reels และ Stories ตาม Performance ของคอนเทนต์นั้น ๆ
โดยที่ Performance ของโพสต์ จะวัดจาก ยอด Reach และ Interaction ของโพสต์
ซึ่งการยกเลิกการสร้างรายได้ใน 3 วิธีหลักของ Facebook จะมีผลตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2025 นี้ เป็นต้นไป
แล้วหลังจากนี้ ครีเอเตอร์จะมีวิธีในการสร้างรายได้จาก Facebook ได้ด้วยวิธีใดบ้าง ?
1. Facebook Content Monetization (Beta) Program
เป็นโปรแกรมการสร้างรายได้ของครีเอเตอร์ โปรแกรมใหม่ของ Facebook ที่เข้ามาทดแทนวิธีการหารายได้ทั้ง 3 วิธี ที่กำลังจะถูกยกเลิกภายในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
โดย Facebook อธิบายว่า Facebook Content Monetization Program นี้ เป็นการรวมเอาวิธีการหารายได้ ทั้ง 3 วิธีที่กำลังจะถูกยกเลิก ได้แก่ In-stream ads, Ads on Reels, และ Performance Bonus Programs เข้าไว้ด้วยกันในโปรแกรมเดียว
เพื่อทำให้ครีเอเตอร์ สามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ของตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น และรองรับการสร้างรายได้จากคอนเทนต์หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- คลิปวิดีโอ
- Reels
- รูปภาพ
- Stories
- และโพสต์ Facebook ที่เป็นข้อความ
- Reels
- รูปภาพ
- Stories
- และโพสต์ Facebook ที่เป็นข้อความ
ซึ่ง Facebook ระบุว่า การสร้างรายได้จะขึ้นอยู่กับ Engagement ของคอนเทนต์นั้น ๆ แต่ถ้ายิ่งมี Engagement มาก ก็ยิ่งได้รับส่วนแบ่งรายได้มากขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องหมายเหตุว่า โปรแกรมยังเป็นเพียงเวอร์ชัน Beta ที่ Facebook ยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการคำนวณรายได้อย่างชัดเจนเท่าไรนัก รวมถึงเงื่อนไขในการร่วมต่าง ๆ
ซึ่งหลังจากนี้ เหล่าครีเอเตอร์ก็อาจจะต้องรอรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
แต่เบื้องต้น Facebook ได้เปิดให้ครีเอเตอร์ที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรม Facebook Content Monetization ได้ลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว (ผ่านช่องทางนี้ https://creators.facebook.com/tools/facebook-content-monetization)
2. Subscriptions
เป็นระบบที่ทำให้ครีเอเตอร์เจ้าของเพจ สามารถเปิดรับสมัคร Member ซึ่งเป็นสมาชิกที่ยอมจ่ายเงินรายเดือน แลกกับการเข้าถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ครีเอเตอร์กำหนดขึ้น
เช่น สัญลักษณ์ (Badge) ที่แสดงสถานะ Member การเข้าถึง Facebook Group คอนเทนต์พิเศษ และไลฟ์เฉพาะ Member เท่านั้น
ซึ่งครีเอเตอร์จะได้รับเงินค่าสมาชิกจาก Member 100% โดยที่ Facebook ไม่ได้หักส่วนแบ่งใด ๆ เลย หาก Member สมัครสมาชิกผ่านเว็บเบราว์เซอร์
แต่หาก Member มีการสมัครสมาชิกผ่านระบบ Android หรือ iOS จะมีการหักค่าธรรมเนียม In-App Purchase ในสัดส่วน 30%
3. Stars
มีลักษณะเช่นเดียวกับการให้ของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจในการผลิตคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ โดย Stars นั้น สามารถให้ได้ทั้งคอนเทนต์คลิปวิดีโอแบบปกติ Reels หรือไลฟ์ก็ได้
โดย Stars ที่ผู้รับชมให้ครีเอเตอร์นั้น จะมีมูลค่า 0.01 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30 สตางค์) ต่อ Stars 1 ดวง