การบินไทย ปรับนโยบายสัมภาระใหม่ ยกเลิก “ไม่จำกัดจำนวนชิ้น” เป็น จำกัดจำนวน-น้ำหนัก ตามชั้นโดยสาร

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Thai Airways หรือการบินไทย ประกาศปรับนโยบายสัมภาระแบบใหม่ จากในรูปแบบ Weight Concept ที่ให้โหลดกระเป๋ากี่ใบก็ได้ ภายใต้น้ำหนักที่กำหนด เป็น “Piece Concept” ที่กำหนดสิทธิตาม “จำนวนชิ้น” และ “ชั้นโดยสาร”

แล้วรายละเอียดของกฎใหม่ มีอะไรบ้าง ? MarketThink สรุปมาให้เข้าใจง่าย ๆ ในโพสต์นี้

- นโยบายใหม่ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 หรือตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำหรับการขาย / ออกบัตรโดยสาร / ออกบัตรโดยสารใหม่ (ที่ยังไม่ถูกใช้งาน) และจะมีผลสำหรับเที่ยวบิน ที่บินตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2569 เป็นต้นไป

ซึ่งนโยบายใหม่นี้ ครอบคลุมเส้นทาง
- ทุกเส้นทางภายในประเทศ
- การเดินทางภายในภูมิภาค (เอเชีย/ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์)
- การเดินทางระหว่างภูมิภาค ได้แก่ ยุโรป, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง ไปภูมิภาค เอเชีย, ออสเตรเลีย,นิวซีแลนด์

และเริ่มวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 สำหรับเส้นทางเพิ่มเติมภายใต้นโยบายใหม่ทั่วทั้งเครือข่ายบินของการบินไทย

- สรุปจำนวนชิ้นและน้ำหนักตามชั้นโดยสาร

1. เส้นทางภายในประเทศ

ผู้โดยสารทุกชั้นโดยสารได้รับ 1 ชิ้น โดยน้ำหนักตามสิทธิชั้นโดยสาร คือ
- Royal Silk Class 1 ชิ้น น้ำหนัก 32 กิโลกรัม
- Economy Class ทุกประเภท (Flexi / Full Flex / Standard / Saver) 1 ชิ้น น้ำหนัก 23 กิโล
- ทารกไม่ใช้ที่นั่ง (Infant) ได้รับ 1 ชิ้น ตามน้ำหนักชั้นโดยสารของผู้โดยสาร

2. เส้นทางระหว่างประเทศ (International Sector)

- Royal First Class ได้รับ
3 ชิ้น น้ำหนัก 32 กิโลกรัมต่อชิ้น
(บัตรโดยสารรางวัล ได้รับ 2 ชิ้น น้ำหนัก 32 กิโลกรัมต่อชิ้น)

- Royal Silk Class และ บัตรโดยสารรางวัล ได้รับ
2 ชิ้น น้ำหนัก 32 กิโลกรัมต่อชิ้น

- Premium Economy Plus
2 ชิ้น น้ำหนัก 32 กิโลกรัมต่อชิ้น

- Premium Economy Class
2 ชิ้น น้ำหนัก 23 กิโลกรัมต่อชิ้น

- Economy Class ได้รับน้ำหนักตามประเภทของบัตรโดยสาร ได้แก่

Flex / Full Flex ได้รับ 2 ชิ้น น้ำหนัก 23 กิโลกรัมต่อชิ้น
Standard / Saver / Redeem ได้รับ 1 ชิ้น น้ำหนัก 23 กิโลกรัมต่อชิ้น
ทารกไม่ใช้ที่นั่ง (Infant) ได้รับ 1 ชิ้น ตามเกณฑ์ของชนิดชั้นโดยสาร

ส่วนข้อกำหนดด้านขนาดสัมภาระ
ทุกชิ้นต้องมีขนาดรวม (กว้าง + ยาว + สูง) ไม่เกิน 158 ซม. (62 นิ้ว)

สำหรับนโยบายใหม่นี้ การบินไทยระบุว่า การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้จะช่วยให้การเชื่อมต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศและระหว่างสายการบิน สะดวกและเป็นระบบมากขึ้น

ผู้โดยสารได้รับ สิทธิสัมภาระที่ชัดเจน ตามจำนวนชิ้นและประเภทชั้นโดยสาร และทำให้มาตรฐานบริการเป็นสากล และสอดคล้องกับพันธมิตรการบินมากยิ่งขึ้น