
ยูนิลีเวอร์ – เครือซีพีร่วมโชว์วิสัยทัศน์พลิกเกมโลกธุรกิจ ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนบนเวที GCNT EXPO 2025 มุ่งสู่ Net Zero ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดภายในปี 2582 พร้อมทั้งลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2573
1 ส.ค. 2025
ยูนิลีเวอร์ ผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลกและนวัตกรรมดิจิทัล แสดงวิสัยทัศน์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนบนเวทีเสวนา “Innovation for Sustainability” ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในงาน GCNT EXPO 2025 จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ณ True Digital Park สุขุมวิท 101 เพื่อนำเสนอกลยุทธ์และแนวทางการใช้นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมในโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความความท้าทายหลากหลายมิติ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของผู้นำจากสองอุตสาหกรรมที่พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระยะยาวผ่านความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม
ยูนิลีเวอร์ได้นำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนภายใต้เป้าหมายที่จะมุ่งสู่ Net Zero ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดภายในปี 2582 โดยล่าสุดสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต (Scope) ที่ 1 และ 2 ได้แล้วถึงร้อยละ 72 นับตั้งแต่ปี 2558 และตั้งเป้าหมายลดให้ได้ 100% ภายในปี 2573 พร้อมกันนี้ยังมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมในห่วงโซ่อุปทานและการใช้ผลิตภัณฑ์ให้ได้ร้อยละ 42 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมในภาคป่าไม้ ที่ดิน และเกษตรกรรมให้ได้ร้อยละ 30.3 ในปีเดียวกัน ทั้งยังมีกระบวนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันร้อยละ 57 ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังตั้งเป้าหมายให้ 85% ของผลิตภัณฑ์เป็นไปตามเกณฑ์โภชนาการที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2571 และเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-based) ให้ได้ 1.5 พันล้านยูโรต่อปีภายในปี 2568 ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมต่ำในไทยและอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสาวอภิพรอดุลย์พิจิตรผู้อำนวยการด้านงานวิจัยและพัฒนาอาหารกลุ่มประเทศเอเชีย (Greater Asia) บริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทย กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญในจุดมุ่งหมายหลักขององค์กร (purpose) เรามองความท้าทายเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมภายใต้แนวคิด 'Brighten Everyday Life for All' โดยมุ่งลงทุนด้าน R&D เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ PCR (Post-Consumer Recycled) และเทคโนโลยีลดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น การลดปริมาณน้ำตาล โซเดียม และไขมันทรานส์ หรือการส่งเสริมอาหารจากพืช นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO และการส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงเกษตรกรเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานอย่างเท่าเทียม รวมไปถึงการใช้โมเดล ‘Behaviour Change’ ผ่านแคมเปญผู้บริโภค เช่น Take-Back และ Refill Station พร้อมให้ข้อมูลโภชนาการและสิ่งแวดล้อมบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคในการดูแลโลกของเราร่วมกัน”
“แม้ยูนิลีเวอร์จะมีระบบนิเวศน์ภายในที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถเดินไปได้เพียงลำพัง ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญ ทั้งภาควิชาการ พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนลูกค้าและผู้บริโภค เช่น โครงการเกษตรฟื้นฟู ที่ดูแลทั้งความเป็นอยู่และระบบนิเวศน์ของเกษตรกร หรือแนวทางการจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการสร้างห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืน” นางสาวอภิพร กล่าวเพิ่มเติม
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้นำเสนอวิสัยทัศน์และกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ Carbon Neutral ภายในปี 2573, Net Zero ภายในปี 2593, Zero Waste ภายในปี 2573 และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมผ่านการส่งเสริมการศึกษา พร้อมแนวทางเร่งด่วน 6 ข้อสำหรับการปรับตัว ได้แก่ การปรับธุรกิจใหม่ สร้างความยืดหยุ่นห่วงโซ่อุปทาน สร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ยกระดับ Digital Literacy การจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ และยึดมั่นหลักสากล
ดร.ธีระพลถนอมศักดิ์ยุทธประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า “โลกเผชิญความท้าทายใหญ่ทั้งความมั่นคงทางอาหาร ไมโครพลาสติก ภาวะโลกร้อน และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ จึงต้องการ “Game Changer” อย่าง AI และนวัตกรรม โดยเน้นว่า AI ต้องเป็น “เครื่องมือเพิ่มพลัง” ที่ต้องขยายใช้อย่างรวดเร็ว พร้อม 4 แนวทางสำคัญสำหรับผู้นำองค์กร คือ ขยับเร็ว-ขยายไว, ปรับโครงสร้างองค์กรรองรับ AI, พัฒนาทักษะ AI และทำงานร่วมกับ AI อย่างมีคุณค่า ซึ่ง AI จะช่วยเร่งให้เป้าหมาย Net Zero, Zero Waste และลดความเหลื่อมล้ำเป็นจริงได้”
ในโอกาสนี้ ทั้งสององค์กรยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนด้านนวัตกรรมและงานวิจัย โดยยูนิลีเวอร์มีศูนย์นวัตกรรม 6 แห่งทั่วโลก และศูนย์ออกแบบระดับภูมิภาคอีก 12 แห่ง เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ PCR และเทคโนโลยีลดการใช้ทรัพยากร ขณะที่เครือซีพีปรับใช้เทคโนโลยีสะอาดและระบบรีไซเคิลในโรงงาน ซึ่งการเสวนาครั้งนี้ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม ในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
###
เกี่ยวกับยูนิลีเวอร์
ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม โดยมียอดขายในกว่า 190 ประเทศและเข้าถึงผู้บริโภค 3.4 พันล้านคนต่อวัน มีพนักงาน 128,000 คน สร้างยอดขายได้ 60.8 พันล้านยูโรในปี 2567
ตลอดเวลากว่า 90 ปี ที่ยูนิลีเวอร์ประกอบกิจการในประเทศไทย เรามีเป้าหมายที่มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้บริโภคทุก ๆ คนอย่างสูงสุด จากการสนับสนุนจากคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ยูนิลีเวอร์ได้เติบโตอย่างมั่นคงและได้กลายมาเป็นอันดับหนึ่งบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทย โดย 99% ของครัวเรือนไทย 25 ล้านครัวเรือนใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา 3 ครั้งต่อวัน ที่สำคัญ ยูนิลีเวอร์มีความภาคภูมิใจที่ได้รับการยกย่องจากยูนิเวอร์ซัมว่าเป็นนายจ้างดีเด่นอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 6 ปี สำหรับนักศึกษา และได้รับรางวัลจาก HR Asia ในฐานะหนึ่งในบริษัทที่น่าร่วมงานมากที่สุดในประเทศไทยเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกัน (พ.ศ. 2562 - 2567)