
เจาะกลยุทธ์ Moleculogy by Diamond Grains จากแบรนด์เฉพาะกลุ่ม สู่ตลาดใหญ่:นำแบรนด์ขยายฐานลูกค้าใหม่บน Shopee
25 ส.ค. 2025
บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ขอนำเสนอเรื่องราว ผู้ประกอบการแบรนด์สกินแคร์ไทย ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้สนามการแข่งขันสกินแคร์จะดุเดือด การส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพคือสิ่งที่ยืนยาวที่สุดในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ไทยเติบโตและขยายฐานได้กว้างขึ้นผ่าน Shopee
Moleculogy ไม่ได้มองแค่ปัญหาที่ “อยู่ในกระแส” แต่เลือกหยิบปัญหาที่คนมองข้าม มาคิดค้นทางออกที่จับต้องได้จริง
หากเอ่ยถึง Moleculogy by Diamond Grains หลายคนอาจคิดว่าแบรนด์นี้เริ่มต้นจากการทำสกินแคร์ แต่ความจริงแล้วจุดกำเนิดมาจาก Supplement ภายใต้ร่มใหญ่ของ Diamond Grains ที่เริ่มธุรกิจด้านอาหารเพื่อสุขภาพ ขนม และสแน็ก ก่อนจะแตกไลน์มาสู่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
การทำงานกับ Health Food และ Supplement ทำให้ทีมคุ้นเคยกับความซับซ้อนของการดูแลสุขภาพจากภายใน และนั่นนำไปสู่การมองเห็นโอกาสต่อยอดสู่ Skincare โดยมีคุณชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ หรือ คุณอูน ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นคนผิวแพ้ง่ายมาก เธอมองว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดี ต้องไม่ใช่เพียงแค่ “สูตรสวยหรู” แต่ต้อง “ดีจริง ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และแก้ปัญหาเชิงลึกที่ตลาดยังขาด”
ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ Whitening ที่คุณอูนต้องการ ไม่ใช่แค่ทำให้ผิวดูสว่างขึ้น แต่ต้องสามารถยับยั้งการสร้างเมลานิน และควบคุมการสื่อสารของเมลานินในชั้นผิวได้ด้วย — ความละเอียดระดับนี้ยังไม่ค่อยมีในตลาด คุณอูนในฐานะควบตำแหน่ง Head of R&D จึงทำงานร่วมกับทีมนักวิทยาศาสตร์จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอูนได้จริง
อีกจุดเด่นที่แตกต่างของ Moleculogy คือ การหยิบปัญหาเล็กๆ ในชีวิตประจำวันมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น
เซรั่มขนตา ที่ช่วยให้เส้นขนชัดขึ้นจนหลายคนแทบไม่ต้องกรีดอายไลเนอร์สเปรย์ฉีดผม ที่พัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาสิวที่หลัง จากการใช้ครีมนวดผมไม่ได้
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สะท้อนว่า Moleculogy ไม่ได้มองแค่ปัญหาที่ “อยู่ในกระแส” แต่เลือกหยิบปัญหาที่คนมองข้าม มาคิดค้นทางออกที่จับต้องได้จริง
เสียงสะท้อนจากลูกค้าคือสิ่งที่ทำให้ทีมมีพลัง เช่น ลูกค้าที่เคยหมดหวังกับสิวที่หลัง สิวกรอบหน้า หรือแม้แต่คิดว่าขนตาล่างจะไม่มีทางขึ้น แต่เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์แล้วได้ผลจริง ความรู้สึกของพวกเขา “หนูเคยหมดหวังกับเรื่องนี้ไปแล้ว” สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณอูนรู้ว่า สินค้าที่ดีนั้นต้องพิสูจน์และทำหน้าที่ของมันได้ดี และทำให้ที่ลูกค้ารู้สึกดีกับตัวเองเมื่อมองไปในกระจก
Shopee – ช่องทางที่พาแบรนด์เติบโตด้วยประสบการณ์จริงจากลูกค้า
ตั้งแต่ Day 1 คุณอูนกล่าวว่า “Moleculogy ไม่ได้ตั้งใจเป็นแบรนด์ออฟไลน์ แต่โฟกัสออนไลน์เต็มรูปแบบ โดยช่วงแรกใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางหลักในการขาย ก่อนที่ Shopee จะเติบโตและกลายเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม คุณอูนซึ่งเป็นผู้ใช้เองอยู่แล้ว จึงมองว่า Shopee จะเป็นตลาดที่เหมาะกับการขยายแบรนด์”
ผลลัพธ์คือ เพียงไม่นาน ไม่ใช่แค่เฉพาะสินค้าของ Moleculogy แต่สินค้าทุกตัวของ Brunchtimeshop ก็ขึ้นขายอยู่บนช้อปปี้หมดแล้ว และสำหรับตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทีมงาน Moleculogy ทำงานประสานกับทีม Shopee อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือและแพ็กเกจแคมเปญต่างๆ ที่ Shopee ออกมาให้เลือกใช้ทุกเดือน แบรนด์สามารถปรับให้เข้ากับกลยุทธ์ของตัวเองได้อย่างยืดหยุ่น
Moleculogy มีการทำการตลาดที่น่าสนใจคือ แบรนด์ไม่พึ่งพาการตลาดแบบดั้งเดิม แต่เลือกที่จะเติบโตจาก รีวิวจริงของลูกค้าโดยเฉพาะใน Shopee ที่กว่า5 ปี ในการเริ่มต้น ปัจจุบันมีรีวิวรวมกว่า 179,000 รีวิว และมากกว่า 800,000 ผู้ติดตามบน Shopee ซึ่งแต่ละรีวิวล้วนเป็นการเล่าประสบการณ์จริง ไม่ใช่ข้อความที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการตลาด สิ่งนี้เองที่กลายเป็นรากฐานของความน่าเชื่อถือและความภักดีต่อแบรนด์จนมาถึงทุกวันนี้
สิ่งที่คุณอูนชอบที่สุดใน Shopee คือ “ความง่าย” ของระบบที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว มี Coins มีโค้ดส่วนลด โค้ดส่งฟรี ต่างๆของช้อปปี้ ที่ลูกค้าเก็บกันไว้อยู่แล้ว หรือเอามาใช้พร้อมกันก็ได้ อีกทั้งข้อมูลการจัดส่ง ที่อยู่ ที่บันทึกไว้ในระบบแล้ว โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำ ทำให้ง่ายในการ กดสั่งซื้อ และปัจจุบันนี้แบรนด์แทบจะไม่ต้องให้ข้อมูลอะไรกับลูกค้ามากมายเลย เพราะลูกค้าเขาหาข้อมูลเอง อ่านรีวิวเอง มาถึงในช้อปปี้ก็แค่กดซื้อเพียงอย่างเดียว
ที่สำคัญ Shopee ยังช่วย ขยายฐานลูกค้า ได้อย่างมาก จากเดิมที่ขายบนเว็บไซต์ของตัวเองและเข้าถึงเฉพาะกลุ่มแฟนคลับของ Diamond Grains แต่เมื่อมาขายใน Shopee ทำให้ Moleculogy ได้เจอ Target ใหม่ ๆ ทั้งลูกค้าที่อายุน้อยลง และลูกค้าที่โตขึ้นจากกลุ่มเดิม เรียกว่าเป็นการเพิ่ม Reach ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นและหลากหลายกว่าเดิม
สำหรับกลยุทธ์การตลาด Moleculogy เน้นตั้งราคาที่เหมาะกับตลาดออนไลน์ และให้ความสำคัญกับการออก สินค้าใหม่ มากกว่าการทุ่มงบโฆษณา เพราะเชื่อว่าถ้าสินค้าดีจริง คุณภาพจะเป็นเครื่องมือการตลาดที่ดีที่สุด
ก้าวปัจจุบันของ Moleculogyและสิ่งที่อยากบอกถึงผู้ประกอบการแบรนด์ไทย
คุณอูนบอกเสมอว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการคือ ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า “เรากำลังแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้า” ถ้าสินค้ายังไม่ตอบโจทย์ แม้แต่ตัวเราเองยังไม่อยากใช้ ก็ไม่ควรรีบปล่อยออกมา
คุณอูนมักจะย้ำกับทีม R&D ว่าไม่จำเป็นต้องทำสินค้าที่ซ้ำกับตลาด แต่ให้ใช้เวลาเพื่อหาสิ่งที่ยังไม่มีใครทำให้ดีพอ “ถ้าเรายังไม่เลือกใช้สินค้าของตัวเอง ก็แปลว่ามีสิ่งที่ดีกว่าในตลาด แล้วเราจะไปแข่งขันทำไม”
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Moleculogy ใช้เวลาพัฒนาสินค้าแต่ละตัวอย่างยาวนาน เช่น ยาสระผมที่ใช้เวลา 4 ปีแล้วก็ยังไม่ปล่อย เพราะคุณอูนมองว่าถ้าสินค้าที่จะออกมา ยังไม่ดีกว่าของที่มีอยู่ในตลาด ก็จะไม่ปล่อย ขณะเดียวกัน Hero Product อย่าง Soft Cream และ Glassy X 500 กลับได้รับความนิยมสูง เช็คจากระบบหลังบ้านของช้อปปี้ จะพบได้เลยว่ามีอัตราการกลับซื้อซ้ำจำนวนมาก ก็ยิ่งเป็นเครื่องการันตีที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า
คุณอูนฝากถึงผู้ประกอบการไทยว่า “ให้เวลาในการพัฒนาสินค้าเยอะๆ อย่าทำเพราะอยากมีสินค้า แต่ทำเพราะเราอยากแก้ปัญหาจริงๆ ถ้าสินค้าดีพอ คุณภาพจะพูดแทนทุกอย่าง”