เจาะกลยุทธ์ AI 5+1 ของ KBTG พิชิตเป้าหมาย AI-Infused Tech Powerhouse ระดับภูมิภาค

เจาะกลยุทธ์ AI 5+1 ของ KBTG พิชิตเป้าหมาย AI-Infused Tech Powerhouse ระดับภูมิภาค

6 ส.ค. 2025
โลก AI หมุนเร็วแบบติดสปีด และกำลังอัปเลเวล จากการเป็นเพียงเครื่องมือที่รอคำสั่งหรือผลิตผลลัพธ์ตามสั่ง ไปสู่การเป็น Agentic AI ที่สามารถประสานงานและสั่งการ AI ตัวอื่น ๆ เพื่อรองรับการทำงานที่ซับซ้อนได้มากขึ้น 
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ในฐานะองค์กรเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำระดับประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงมองว่า การทรานส์ฟอร์มตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันหยุด
KBTG เริ่มทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล ในปี 2019-2023 
พอเข้าสู่ปี 2024 KBTG ปักธงไปที่การเป็นองค์กร Human-First x AI-First Transformation ผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI เข้ากับความเชี่ยวชาญของบุคลากร เพื่อส่งมอบบริการทางการเงินที่ทันสมัย ตอบสนองธนาคารและภาคธุรกิจ  
มาถึงปี 2025 KBTG มีหมุดหมายใหญ่ คือ ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น AI-Infused Tech Powerhouse ระดับภูมิภาค 
โดยพระเอกสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนเกมในโลกของธุรกิจและการทำงานของ KBTG คือ Agentic AI
ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตรวจสอบสภาพแวดล้อม แล้วนำข้อมูลที่มีไปตัดสินใจดำเนินการอะไรบางอย่างได้เอง  
ด้วยความสามารถของ Agentic AI เหล่านี้เอง เพื่อสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจ KBTG ได้มีการศึกษาและนำมาเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญของการเป็นองค์กรแห่งอนาคต นำ Agentic AI มาใช้อย่างเข้มข้น ปูพรมใช้กับทุกส่วนงาน ตั้งแต่การพัฒนาซอฟต์แวร์ นวัตกรรมใหม่ ไปจนถึงการทำงานหลังบ้าน​ หรือแผนกที่ไม่คิดว่าจะต้องใช้ Agentic AI อย่าง HR
คำถามคือ KBTG นำ Agentic AI มาเบลนด์อินเข้ากับส่วนงานต่าง ๆ อย่างไร ?
คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เฉลยว่า เบื้องหลังการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น AI-Infused Tech Powerhouse ระดับภูมิภาค จะดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ AI 5+1 ประกอบด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ด้าน ได้แก่ 
1) การสร้างและประยุกต์ใช้ AI เพื่อส่งเสริมธุรกิจธนาคาร (AI for Banking) 
2) การพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI เพื่อส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์และกระบวนการด้านไอที (AI for IT Delivery & Operations) 
3) การพัฒนาแพลตฟอร์ม Data และ AI เพื่อรองรับการสร้าง AI Use Case ใหม่ ๆ (AI & Data Platform) 
4) การกำกับดูแลการใช้งาน AI (Governance & Ecosystem) 
5) การพัฒนา AI Products เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ (AI Tech Business) 
และ +1 คือ การยกระดับพนักงานขององค์กรให้มีความรู้และความพร้อมด้าน AI  
เพราะสิ่งที่ KBTG ให้ความสำคัญมาตลอด คือ การพัฒนาคน ​
“ตอนนี้ AI Agent อยู่บนยอดสุดแห่งความคาดหวัง เหมือนกับ Gen AI ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ตก แต่ผมเชื่อว่าอีก 3 ปีจากนี้ AI Agent จะขึ้นสู่เนินเขาแห่งการบรรลุธรรม AI จะเข้ามาช่วยในการทำงานหลาย ๆ อย่าง 
สิ่งที่น่าสนใจ คือ หลังจากเราทำเรื่อง AI Agent มาเกือบปี เราพบว่า AI Agent เป็นเรื่องที่ใหม่มาก จนไม่มี Best Practice มีแต่ Better Practice ว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมีบริษัทที่ลงทุนด้าน AI ถึง 92% แต่ประสบความสำเร็จแค่ 1%
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่คุ้มค่า เพราะ Productivity ที่เกิดขึ้น ระหว่างบริษัทที่ทำสำเร็จ แตกต่างกันมาก” 
คุณกระทิง ยังบอกด้วยว่า “ผมมองว่าคลื่นของ AI รอบนี้มาแรงและเร็ว 
มิติของการทรานส์ฟอร์ม ไม่ใช่แค่การทำระบบคลาวด์ หรือ Mobile อีกต่อไป 
แต่ต้องทำแบบครบลูป เพื่อสร้าง Value ธุรกิจให้ดีขึ้นกว่าเดิม 2-3 เท่า 
ทำให้ช่องว่างระหว่างคนที่ทำสำเร็จกับไม่สำเร็จจะใหญ่มาก”
ปัจจุบัน ทีม AI Engineer ของ KBTG อยู่ระหว่างการวางรากฐานให้ AI Agent สามารถรองรับงานภายในองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบอัตโนมัติครบวงจร (End-to-end) และกระบวนการดำเนินงานของระบบหลังบ้าน (Back-office Operations) 
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 นี้ KBTG จะมุ่งเน้นไปที่ 4 เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ 
1. การทรานส์ฟอร์มฝ่ายธุรกิจธนาคารและปฏิบัติการด้วย AI เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) และใช้เทคโนโลยีช่วยสร้างผลตอบแทนให้ได้มากยิ่งขึ้น  
2. การทรานส์ฟอร์มกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์จากต้นน้ำถึงปลายน้ำด้วย Agentic AI ที่พัฒนาขึ้นโดย KBTG เอง 
3. การพัฒนาและขยายผล AI Agent เฉพาะทางสำหรับชนิดงานที่ต่างกัน เพื่อตอบโจทย์อย่างตรงจุด 
4. การสร้างความเข้าใจและส่งเสริมให้พนักงานประยุกต์ใช้ AI ในการทำงาน  
คุณกระทิง ยังได้สรุป 5 หัวใจสำคัญของการทำ AI Agent คือ ต้องเริ่มจากการมีข้อมูล (Data) ที่มีคุณภาพ เพราะ AI ทุกตัวกิน Data เป็นอาหาร ถ้าข้อมูลผิด ทุกอย่างผิดไปหมด 
ดังนั้น ต้องมี Data ที่ดีและเยอะ เพื่อให้ AI นำไปใช้ แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีเรื่องของ Governance ในการกำกับดูแลข้อมูล มีการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เปลี่ยนมายด์เซต จากการนำ AI เข้าไปเพิ่มเติม (+AI) ในการทำงาน มาสู่มายด์เซต AI+ หรือการนำ AI เข้าไปปรับใช้ในการทำงาน ​
อีกองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้คือ Talent หรือ คน ที่เข้ามาอยู่ในลูปของการกำกับดูแล AI อีกที
ปัจจุบัน พนักงานของ KBTG 100% สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ AI ให้พนักงานทุกคน มี AI Literacy 
ก้าวต่อไปคือ การสร้าง AI Mastery และผลักดันสู่ AI Excellence
ด้านคุณจิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director - Software Development Excellence กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยความเชื่อว่า AI จะเข้ามาช่วยยกระดับการทำงานของมนุษย์ ไม่ใช่เข้ามาแทนที่ 
ดังนั้น การนำ Agentic AI เข้ามาใช้ของ KBTG จะเป็นรูปแบบ Augmented และ Embedded ไปกับกระบวนการทำงาน และให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มพัฒนา AI Agent เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
“KBTG ได้พัฒนา AthenaMind แพลตฟอร์มสร้าง AI Agent สำหรับใช้ภายในองค์กร
มีตั้งแต่ AI Agent ที่ทำหน้าที่เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับองค์ความรู้ต่าง ๆ เช่น HR, PDPA, Vendor Management และ Cybersecurity โดยดึงคำตอบจากฐานข้อมูลภายใน เพื่อให้ความช่วยเหลือพนักงานได้ทุกวันตลอดเวลา 
ยกตัวอย่าง AI Agent ที่เราเปิดให้พนักงาน KBTG ใช้งานเป็นที่เรียบร้อย คือ HR Chat Agent ที่ช่วยตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของพนักงาน เช่น ประกันกลุ่ม บัญชีค่าใช้จ่าย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการลา ได้แบบ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ลดการทำงานของฝ่าย HR ในการให้ข้อมูลพื้นฐาน”
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างและออกแบบกระบวนการใหม่ (Operation Workflow) เพื่อให้ AI Agent กับมนุษย์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้
เช่น การนำ AI Coding Assistant มาเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงานของ Developer 
ทั้งนี้ คุณจิรัฎฐ์ ยังยกตัวอย่าง Use Case ที่เริ่มนำมาใช้ และได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ คือ การนำ Coding Agent มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานบางส่วนของ Software Engineer ในปี 2025 
โดยมีการขยายการใช้งานให้กับ Software Engineer และ Tester มากกว่า 600 คนในองค์กร พบว่าช่วยเพิ่ม Productivity ในบาง Use Case ได้มากกว่า 45% 
มี Code ที่เขียนด้วย AI และถูกรีวิวโดย Engineers แล้ว รวมเป็นจำนวนกว่า 10 ล้าน Line of Code คิดเป็น 10% ของ Code ที่พัฒนาทั้งหมด และลดต้นทุนได้มากถึง 32 ล้านบาท
ล่าสุดจากการทดลองใช้กับ MAKE by KBank พบว่าสามารถลดระยะเวลางานพัฒนาบางส่วนจาก 1 วัน เหลือเพียง 15 นาที
ในช่วงครึ่งหลังของปี KBTG จะยกระดับกระบวนการการพัฒนาซอฟต์แวร์ภายในองค์กร (Software Development Life Cycle : SDLC) ให้ครอบคลุมทุก Role ในกระบวนการ เช่น Business Analyst Agent, Solution Architect Agent, Software Engineer Agent, Testing Agent ไปถึง DevOps Agent โดยจะยังคงรักษามาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยไว้อย่างครบถ้วน 
“หัวใจสำคัญของการนำ Agentic AI มาใช้ คือ ทำให้ทุกส่วนงานของ KBTG จะมี AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันพนักงานทุกคนจะเหมือนมี AI เป็นผู้ช่วย เท่ากับว่า ทุกคนจะได้ทำงานร่วมกับ AI ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะรู้ตัวหรือไม่”  
ด้านคุณเมสินี นาคมณี Deputy Managing Director - Software Quality Management กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวเสริมว่า KBTG เป็นองค์กรแรกของไทยที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก International Software Testing Qualifications Board (ISTQB) องค์กรทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ระดับโลก
ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสากลไม่แสวงหากำไรและมีอาสาสมัครที่เป็นสมาชิกกว่า 60 ประเทศทั่วโลกในระดับ Platinum Partner จากความร่วมมือในการตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากการเป็นพันธมิตรกับองค์กรระดับโลก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการกำกับ AI 
KBTG ยังให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” ของสินค้าและบริการที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้า 
จึงได้มีการผสาน AI เข้ามาในกระบวนการทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์
หนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญ คือ Chai LAI (ไฉไล) - AI Test Agent ตัวแรกของ KBTG พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในงานทดสอบต่าง ๆ ทั้งการบริหารจัดการการทดสอบ การทำ Test Automation หรือการจัดการข้อมูลในการทดสอบ รวมถึงการทดสอบประสิทธิภาพของระบบ 
ปัจจุบัน KBTG มีการใช้ AI ช่วยเขียนสคริปต์ทดสอบระบบแล้วกว่า 500 สคริปต์
นอกจากการพัฒนา AI เพื่อยกระดับมาตรฐานการทดสอบซอฟต์แวร์ (AI for Testing) 
ยังมีการกำหนดเฟรมเวิร์กสำหรับทำการทดสอบ เพื่อให้มั่นใจว่า AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใน KBTG จะมีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี (Testing for AI) 
โดยเฟรมเวิร์ก “ใส่ใจ” (Sai JAI) จะทำหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมของ AI และกำกับให้การพัฒนาเป็นไปตามนโยบายสากล ซึ่งสอดคล้องกับเฟรมเวิร์กกำกับของทั้งธนาคารกสิกรไทยและ KBTG
คุณเมสินี ยังเสริมด้วยว่า “งานของเรามากกว่าการทดสอบ แต่ต้องสร้าง Trust เพราะเราอยู่ในธุรกิจการเงิน ที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่ง ต้องบริหารจัดการข้อมูลลูกค้ามากกว่า 20 ล้านคน 
ดังนั้นเราต้องมีการทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้ลูกค้า พัฒนาให้ไฉไลสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ภายในองค์กร (Software Development Life Cycle : SDLC)
มากกว่าการเป็น Front Runner คือ การเป็น Innovator เราอยากให้ทุกงานที่ออกมา ‘ไฉไล’ เราจึงต้องมีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของทุกผลงานก่อนส่งมอบออกไป 
เพื่อให้มั่นใจว่า AI ทุกตัวที่พัฒนาโดย KBTG ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน แต่ยังมีความน่าเชื่อถือและรับผิดชอบต่อสังคม
ดังนั้น ต่อให้ในแต่ละโปรเจกต์ งานจะเร่งแค่ไหน แต่ต้องออกไปพร้อมคุณภาพ”
ด้านคุณวรรณลภย์ วิสิฐธรรมคุณ Assistant Managing Director - Intelligence Engineering and Data Technology กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า KBTG ไม่ได้มอง AI เป็นแค่เทคโนโลยี แต่เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจและเพิ่ม Productivity ในการทำงาน 
ซึ่งการจะผลักดัน AI จากแนวคิดสู่ผลลัพธ์จริง พร้อมสร้าง Business Value Creation ให้เกิดขึ้นได้ ต้องมาจากหลากหลายองค์ประกอบ
“เริ่มจากต้นทาง การจุดประกาย (Ignite) เวลาจะสร้างสรรค์แพลตฟอร์มหรือนวัตกรรม
เราต้องการนำไอเดียที่ผ่านการคัดกรองแล้วมาทดลองให้เร็วที่สุด และหาทางทำให้ไอเดียนั้นออกสู่การใช้จริงให้เร็วที่สุด 
สิ่งที่เราต้องการ คือ ความเร็ว มาตรฐาน เป็น Self Service ความง่ายในการแก้ไขปรับปรุงในอนาคต และมีความปลอดภัย 
แต่หลังจากออกสู่ตลาดไปแล้ว ต้องมองเรื่องการ Scale หรือการขยายตลาด 
ซึ่งต้องคำนึงถึง เรื่องการนำไป Integrate เพื่ออยู่ใน Task Flow หรือระบบขององค์กร ต้องเพิ่มปริมาณการเข้าถึง หรือผู้ใช้งานได้มากพอ 
รวมถึงสถาปัตยกรรมแบบแยกส่วน (Modular Architecture) ที่เชื่อมต่อได้กับ Technology และ Service Provider หลายเจ้า เพื่อลดการพึ่งพาเพียงเจ้าใดเจ้าหนึ่ง 
เพราะทุกวันมี AI ตัวใหม่เกิดขึ้นตลอด ต้องมีการมอนิเตอร์การทำงานว่ายังทำงานถูกต้องแม่นยำหรือไม่ มีการตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานในทุกจุด”
ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อขับเคลื่อนขีดความสามารถด้าน Agentic AI KBTG จึงมีการสร้างแพลตฟอร์ม AI ขึ้นเอง มีการสร้าง Large Language Model Gateway (LLM Gateway) ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเลือกใช้งานโมเดลที่เหมาะสมกับปัญหาธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ
รวมถึงการสร้าง AI and Data Playground เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนสามารถสร้าง AI Agent ขึ้นเองจากโจทย์และไอเดียของแต่ละคน ได้อย่างรวดเร็ว มีมาตรฐาน และปลอดภัย ช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาจาก 30 วัน เหลือเพียง 1 วัน
กระบวนการเหล่านี้จะช่วยให้ KBTG สามารถพัฒนาและขยายระบบ AI ที่มีความแม่นยำ รวดเร็ว และยืดหยุ่น พร้อมตอบสนองความต้องการทางด้านธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ผ่านนวัตกรรมใหม่ ๆ
ทั้งหมดนี้ คือ มูฟเมนต์สำคัญของ KBTG ในการใช้ Agentic AI เป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ซึ่งนอกจากจะตอกย้ำการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินชั้นนำระดับประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 3+1 และแนวทางการเพิ่ม Productivity ของธนาคารกสิกรไทย 
โดยคุณกระทิง ทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า AI ที่ดี คือ สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานและการใช้งานได้แบบไม่ต้องตะโกน
เหมือนที่คุณสตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้ง Apple เคยบอกว่า เทคโนโลยีที่ดี ต้องทำให้ลูกค้าไม่รู้ตัวว่าใช้เทคโนโลยี นั่นเอง
#KBTG
#AgentAI
#HumanFirstAIFirst
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.