
สรุปสเปก iPhone 17 ครบในโพสต์เดียว.. ความจุเริ่มต้น 256 GB ได้จอ 120 Hz ทุกรุ่น เริ่มต้น 29,900 บาท
9 ก.ย. 2025
จบกันไปแล้วกับอิเวนต์ประจำปีของ Apple ในปีนี้มาในธีม "Awe Dropping"
ซึ่งพระเอกประจำปีนี้ คือ iPhone 17 มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อยเช่นเดิม ได้แก่ iPhone 17, iPhone 17 Air, iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max
ซึ่งพระเอกประจำปีนี้ คือ iPhone 17 มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อยเช่นเดิม ได้แก่ iPhone 17, iPhone 17 Air, iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max
โดยปีนี้มีไฮไลต์หลัก ๆ คือการเปิดตัว iPhone 17 Air ที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์สมาร์ตโฟน ที่มาพร้อมความบาง และหน้าจอขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว
แล้วรายละเอียดของ iPhone 17 Series แต่ละรุ่นแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากแค่ไหน ?
MarketThink สรุปมาให้แล้วในโพสต์เดียว
MarketThink สรุปมาให้แล้วในโพสต์เดียว

เริ่มต้นกันที่ iPhone 17 และ iPhone 17 Air
- หน้าจอ
iPhone 17 และ iPhone 17 Air ใช้หน้าจอ Super latina XDR ซึ่งมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.3 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว ตามลำดับ มาพร้อมกระจก Ceramic Shield 2
และปีนี้ iPhone 17 ทุกรุ่นมีอัตรา Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz เช่นเดียวกับรุ่น Pro มีความสว่างสูงสุด 3,000 nits ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเดตครั้งสำคัญ สำหรับ iPhone
โดยหน้าจอของ iPhone 17 มีขนาดใหญ่กว่า iPhone 16 ซึ่งมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.1 นิ้ว
- ชิปประมวลผล
iPhone 17 ใช้ชิป A19 ใช้กระบวนการผลิตแบบ 3 นาโนเมตร ส่วน iPhone 17 Air ใช้ชิป A19 Pro ใช้กระบวนการผลิตแบบ 3 นาโนเมตร
แต่มีการอัปเกรดเรื่อง GPU ทำให้สามารถเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่บน iPhone 17 Pro และ Pro Max
แต่มีการอัปเกรดเรื่อง GPU ทำให้สามารถเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่บน iPhone 17 Pro และ Pro Max
นอกจากนี้ iPhone 17 Air ยังใช้งานชิปรับสัญญาณตัวใหม่จาก Apple คือ N1 ซึ่งรับสัญญาณได้ดีกว่า C1 เป็น 2 เท่า และประหยัดพลังงานมากกว่า iPhone 16 Pro ราว 30%
ซึ่ง Apple บอกว่า iPhone 17 Air เป็นรุ่นที่ประหยัดพลังงานที่สุด เท่าที่เคยมีมา
- กล้อง
iPhone 17 มีความละเอียดของกล้องหลัก 48MP แต่มีการปรับปรุงใหม่ให้มีความคมชัดมากกว่าเดิม และกล้อง Ultrawide 12MP

iPhone 17 Air มีกล้องเพียงตัวเดียว และมีความละเอียดของกล้องหลัก 48MP
และ iPhone ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการอัปเกรดกล้องหน้าเป็นจากเดิมความละเอียด 12 MP เป็นความละเอียด 18MP ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ เพราะ Apple ไม่ได้อัปเกรดความละเอียดกล้องหน้า มาเป็นระยะเวลานาน
ที่น่าสนใจคือ มาพร้อมฟีเชอร์ Center Stage ซึ่งจะช่วยทำให้เราอยู่ตรงกลางเฟรมภาพเสมอ และตอนนี้เรายังสามารถใช้กล้องหน้าโดยถือมือถือเป็นแนวตั้ง แต่สามารถถ่ายภาพแนวนอนได้แล้ว
- ดิไซน์
โดยรวมไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมมากนัก ไม่ว่าจะเป็น
ดิไซน์โค้งมนของตัวเครื่อง และ Dynamic Island ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม รวมไปถึงการวางดิไซน์กล้องที่ยังเหมือนกับ iPhone 16
ดิไซน์โค้งมนของตัวเครื่อง และ Dynamic Island ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม รวมไปถึงการวางดิไซน์กล้องที่ยังเหมือนกับ iPhone 16
แต่ iPhone 17 Air มีดิไซน์ภายนอกที่โดดเด่นเรื่องความบาง มาพร้อมความทนทานเพราะเฟรมเครื่องทำจากไทเทเนียม นอกจากนี้ยังมีการวางกล้องแบบใหม่ที่มีเพียงแค่ตัวเดียว ซึ่งเป็นดิไซน์ที่ iPhone ไม่เคยทำมาก่อน
iPhone 17 มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีลาเวนเดอร์, สีเขียว (Teal), สีชมพู (Pink), สีดำ (Black) และ สีขาว (White)
ส่วน iPhone Air มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีทองอ่อน, สีสกายบลู, สีขาวปุยเมฆ, สีดำสเปซแบล็ค
และปิดท้ายด้วยเรื่องสำคัญคือ ราคา
- iPhone 17 ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท มาพร้อมความจุเริ่มต้น 256GB
- iPhone 17 Air ราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท มาพร้อมความจุเริ่มต้น 256GB
________________
________________
ต่อมาเป็นสเปกของ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max
- หน้าจอ
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ตามลำดับ มีอัตรา Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz
- ชิปประมวลผล
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มาพร้อมกับชิป A19 Pro ใช้กระบวนการผลิตแบบ 3 นาโนเมตร
โดย Apple บอกว่าชิปตัวนี้มีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า iPhone 16 Pro ถึง 40%
โดย Apple บอกว่าชิปตัวนี้มีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า iPhone 16 Pro ถึง 40%
- กล้อง
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มีความละเอียด 48MP ทั้ง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก, กล้อง Ultra-Wide และกล้อง Telephoto โดยยังคงความสามารถซูมแบบไม่ลดความละเอียดสูงสุด 8X จากเดิมที่ทำได้ 5X
โดย Apple บอกว่าได้อัปเกรดกล้องให้มีเซนเซอร์ใหญ่กว่า iPhone 16 Pro ราว 56%
iPhone ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการอัปเกรดกล้องหน้า จากเดิมความละเอียด 12MP เป็นความละเอียด 18MP
มาพร้อมฟีเชอร์ Center Stage
มาพร้อมฟีเชอร์ Center Stage
- ดิไซน์
iPhone 17 Pro และ Pro Max ใส่ Vapor Chamber สำหรับระบายความร้อนมาให้แล้ว โดย Apple บอกว่าระบายความร้อนดีกว่าไทเทเนียม 20 เท่า
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มาด้วยกัน 3 สี ได้แก่ ขาว, น้ำเงิน, ส้ม
ปิดท้ายด้วยเรื่อง ราคา
- iPhone 17 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท มาพร้อมความจุเริ่มต้น 256GB
- iPhone 17 Pro Max เริ่มต้นที่ 48,900 บาท มาพร้อมความจุเริ่มต้น 256GB
โดย iPhone 17 Series จะเริ่มวางขายในประเทศไทย 19 กันยายนนี้
Tag:iPhone 17