
การตลาด หมูกระทะตั๊กบ้านโตน ร้านดังอุทัยธานี คิวยาวข้ามปี ที่หลายคนยอมขับรถไกลไปกิน
11 ก.ย. 2025
ตอนนี้มีร้านหมูกระทะกำลังเป็นไวรัลชื่อว่า “ตั๊กบ้านโตน” กำลังถูกพูดถึงเยอะมาก ๆ บนโซเชียลมีเดีย แถมตอนนี้คิวที่ทางร้านเปิดให้จองล่วงหน้าก็ยาวไปถึงปีหน้าแล้ว
ที่น่าสนใจคือ หมูกระทะตั๊กบ้านโตน ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดเมืองรองที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว และถ้าขับรถจากกรุงเทพฯ ไป ก็ต้องใช้เวลาราว ๆ 3-4 ชั่วโมง
ที่น่าสนใจคือ หมูกระทะตั๊กบ้านโตน ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดเมืองรองที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว และถ้าขับรถจากกรุงเทพฯ ไป ก็ต้องใช้เวลาราว ๆ 3-4 ชั่วโมง
แต่เชื่อไหมว่าบนโลกโซเชียล มีลูกค้าไม่น้อยที่ออกมาโพสต์ว่า ตัวเองยอมขับรถจากกรุงเทพฯ ไปถึงอุทัยธานี เพื่อกินหมูกระทะเจ้านี้
เคสของตั๊กบ้านโตนเลยน่าสนใจมาก ๆ ว่า ทำอย่างไรให้ร้านที่อยู่ไกลจากกรุงเทพฯ แมสได้ขนาดนี้ ? MarketThink จะชวนทุกคนมาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน
- หมูกระทะตั๊กบ้านโตน มาจากไอเดียของ คุณณัฐกิตติ์ พุทธยากูล หรือ “โตน” และคุณวรัญญา พจนาภรณ์ หรือ “ตาล” ที่ได้มีโอกาสไปกินหมูกระทะที่ร้านของรุ่นพี่ที่ชื่อ “ตั๊ก”
สูตรหมูกระทะของคุณตั๊ก จะมีกิมมิกคือ มีการใช้ “กากหมูเจียว” มาโรยบนเตาก่อนเริ่มกิน เพื่อให้หมูที่ถูกเอามาย่างบนเตามีรสชาติและกลิ่นที่พิเศษกว่าการย่างบนเตาหมูกระทะทั่ว ๆ ไป
คุณโตนและคุณตาล เลยได้เอาคอนเซปต์ตรงนี้ไปต่อยอดเป็นร้านหมูกระทะของตัวเอง โดยตั้งชื่อร้านว่า “ตั๊กบ้านโตน” เพื่อให้เกียรติคุณตั๊ก ซึ่งเป็นเจ้าของสูตร
คุณโตนและคุณตาล เลยได้เอาคอนเซปต์ตรงนี้ไปต่อยอดเป็นร้านหมูกระทะของตัวเอง โดยตั้งชื่อร้านว่า “ตั๊กบ้านโตน” เพื่อให้เกียรติคุณตั๊ก ซึ่งเป็นเจ้าของสูตร
ถ้าลองวิเคราะห์ว่า อะไรที่ทำให้หมูกระทะร้านนี้ดูแตกต่างจากร้านหมูกระทะอื่น ๆ จนกลายเป็นไวรัลได้ ?
ถ้าตัดเรื่อง “รสชาติ” และ “การบริการ” คำตอบก็น่าจะมาจากกลยุทธ์หลัก ๆ ตามนี้
1. ตั๊กบ้านโตนทำ “Brand Storytelling” ผ่านคลิปสั้น Reels
“Brand Storytelling” คือการเอาเรื่องราวเบื้องหลังของธุรกิจ เช่น จุดเริ่มต้นของร้าน, แรงบันดาลใจ, อุปสรรคต่าง ๆ ที่ร้านต้องเจอในแต่ละวัน หรืออาจจะเป็นที่มาของวัตถุดิบ
เอามาเล่าให้คนดูฟังเพื่อให้คนอิน และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเรื่องราวของธุรกิจได้ง่ายขึ้น
โดยถ้าเราลองไปไล่ดูเนื้อหาจากคลิปวิดีโอบนโซเชียลมีเดียของตั๊กบ้านโตน
เราจะเห็นได้เลยว่าหลาย ๆ คลิปมีเนื้อหาไปทางนี้ ทำให้เราแทบจะรู้ได้หมดเลยว่า ร้านมีความเป็นมาอย่างไร เจอปัญหาอะไรบ้าง ตั้งแต่ก่อนเปิดร้านไปจนถึงวันที่ร้านเริ่มเป็นกระแส
ซึ่งก็มีหลายวิดีโอเลยที่แมส จนถึงขั้นมียอดวิวเป็นล้าน ๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น
- คลิปบรรยากาศหน้าร้านในวันเสาร์ที่มีคิวเยอะมาก ๆ ยอดรับชม 7.4 ล้านครั้ง
- คลิปสอนวิธีกินหมูกระทะตั๊กบ้านโตนที่ถูกต้อง ยอดรับชม 2.5 ล้านครั้ง
- คลิปสอนวิธีกินหมูกระทะตั๊กบ้านโตนที่ถูกต้อง ยอดรับชม 2.5 ล้านครั้ง
ที่น่าสนใจคือ รู้ไหมว่าการทำคลิปแนวนี้ เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่หลาย ๆ แบรนด์ชอบใช้กันในตอนนี้มาก
เพราะถ้าทำคลิปดี มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ก็มีโอกาสที่อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มจะดันคอนเทนต์ของเราขึ้นฟีด ทำให้คนดูรู้จักธุรกิจและพร้อมเปิดใจให้สินค้าของเราง่ายขึ้น
ซึ่งช่วงหลัง ๆ ก็มีหลายแบรนด์ที่ใช้วิธีแบบนี้ แล้วได้ผลดี
ยกตัวอย่างเช่น
- UNO Coffee Company แบรนด์กาแฟ Specialty ที่กำลังเป็นกระแส เคยทำคลิปเล่าความเป็นมาของร้าน รวมถึงที่มาของเมล็ดกาแฟเกอิชาให้คนดูเข้าใจ
ผลตอบรับที่ได้ คือ ทำให้แบรนด์กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็วตั้งแต่ก่อนจะวางขายสินค้าจริง คล้าย ๆ เคสของตั๊กบ้านโตน
2. ทำสินค้าให้ดู “Instagrammable” กระตุ้นให้เกิด User-Generated Content
2. ทำสินค้าให้ดู “Instagrammable” กระตุ้นให้เกิด User-Generated Content
เป็นเทคนิคปรับสินค้าหรือกิมมิกบางอย่างให้ “เหมาะกับการถ่ายรูป” เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าถ่ายสินค้าหรือบริการของเราไปลงโซเชียลมีเดียมากขึ้น เรียกสั้น ๆ ว่า “UGC”
ซึ่งตั๊กบ้านโตนทำข้อนี้ได้ดีมาก ๆ เพราะตั้งแต่บรรยากาศของร้าน จะมีการตกแต่งสไตล์คาเฟเหมือนนั่งกินหมูกระทะในสวน
ไปจนถึงรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทางร้านจะแจกซองกระดาษดิไซน์น่ารัก ที่มีโลโกร้านติดอยู่ ซึ่งเป็นที่ใส่ภาชนะ
ทั้งจาน ชาม ช้อน ตะเกียบ ให้ลูกค้าทุกคนก่อนกิน แถมทุกโต๊ะจะมีชื่อของลูกค้าแปะอยู่
ทั้งจาน ชาม ช้อน ตะเกียบ ให้ลูกค้าทุกคนก่อนกิน แถมทุกโต๊ะจะมีชื่อของลูกค้าแปะอยู่
หากมองจากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ จะเห็นได้เลยว่าทางร้านคิดเผื่อเอาไว้แล้วว่าลูกค้าจะต้องถ่ายรูปลงโซเชียล
และที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ การสร้างกิมมิก “คำนี้ขึ้นสวรรค์” ด้วยการแปะป้ายเล็ก ๆ ที่แนะนำวิธีการกินหมูกระทะสูตรของร้านให้อร่อยที่สุด
ด้วยการเอาหมูที่ย่างเสร็จแล้วมาจับคู่กับ คะน้าลวก, กากหมูเจียว, น้ำจิ้ม พร้อมบีบมะนาวตัดเลี่ยน และกินทั้งหมดในคำเดียวกัน และเรียกคำนี้ว่า “คำนี้ขึ้นสวรรค์”
วิธีนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการกินหมูกระทะแล้ว ยังเหมือนเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าหลาย ๆ คนแชร์ภาพของการกินหมูกระทะสูตรนี้ลงโซเชียล
ซึ่งถ้าดูจากกระแสบนโลกออนไลน์แล้ว ก็ต้องบอกเลยว่า ตอนนี้มีลูกค้าร้านนี้แชร์ประสบการณ์ “คำนี้ขึ้นสวรรค์” ลงโซเชียลมีเดียเยอะมาก ๆ เหมือนเป็นการโปรโมตร้านให้ฟรี ๆ
เอาเข้าจริง เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากว่า ถ้าสินค้ามี “เรื่องราว” และวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ ก็สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดได้แล้ว
อย่างในกรณีของตั๊กบ้านโตน ก็มีเมนูเหมือนกับหมูกระทะเจ้าอื่น ๆ เช่น หมูหมัก, หมูสามชั้นหมัก, ส้มตำ
แต่ที่แตกต่างนอกจากเมนู “กากหมู”
ก็คือ การใส่ Brand Storytelling รวมไปถึงองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งเสริมให้กลายเป็นร้านหมูกระทะที่แตกต่างและน่าสนใจขึ้นมา
ก็คือ การใส่ Brand Storytelling รวมไปถึงองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งเสริมให้กลายเป็นร้านหมูกระทะที่แตกต่างและน่าสนใจขึ้นมา
จนทำให้คนเชื่อได้จริง ๆ ว่า หมูกระทะตั๊กบ้านโตนมีความพิเศษ ทำให้มีคนอยากมาลองเรื่อย ๆ จนคิวยาวข้ามปีไปแล้วนั่นเอง..