One Bangkok สร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดออฟฟิศไทย ด้วย “Workplace Ecosystem”

One Bangkok สร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดออฟฟิศไทย ด้วย “Workplace Ecosystem”

23 ก.ย. 2025
เมื่อก่อน การย้ายออฟฟิศ อาจถูกมองว่าเป็นต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายองค์กรเลือกตึกจาก “ทำเล”และ “ราคา” เป็นหลัก 
แต่ในวันที่โลกธุรกิจกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และพฤติกรรมคนทำงานที่เปลี่ยนไป  การเลือกออฟฟิศจึงไม่ใช่แค่เรื่องพื้นที่อีกต่อไป 
เพราะมันคือกลยุทธ์ขององค์กร ที่สะท้อนชื่อเสียง กำหนดวัฒนธรรม และนิยามความสามารถในการแข่งขัน
เมื่อไม่นานมานี้ MarketThink ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณทัตยากรณ์ เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายอาคารสำนักงาน โครงการ One Bangkok ถึงการเปลี่ยนผ่านของตลาดออฟฟิศไทย และบทบาทของ One Bangkok ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการนี้
“ออฟฟิศใหม่ไม่ใช่เพียงที่ทำงาน แต่คือเวทีที่องค์กรใช้บอกเล่าเรื่องราว และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนของตัวเอง” คุณทัตยากรณ์ เปิดใจว่า การเลือกออฟฟิศจึงไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนที่คืนคุณค่าได้ในหลายมิติ
-------
จากต้นทุนเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ Flight-to-Quality ได้กลายเป็นทิศทางสำคัญที่องค์กรทั่วโลกเลือกเดิน เพราะพวกเขาไม่ได้มองหาเพียงตึกเกรด A แต่ต้องการอาคารที่สะท้อนคุณค่า วัฒนธรรม และความยั่งยืนขององค์กรไปพร้อมกัน หลายองค์กรระดับโลกประกาศเป้าหมายที่จะเป็น Net Zero ภายในปี 2050 ทำให้การเลือกออฟฟิศที่ผ่านการรับรองด้าน ESG ไม่ใช่แค่ “ตัวเลือก” อีกต่อไป แต่กลายเป็น ข้อบังคับทางกลยุทธ์ เพื่อยืนยันว่าองค์กรเดินตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุน และสังคม
คุณทัตยากรณ์อธิบายว่า
“ตลาดออฟฟิศไทยอาจดูเหมือนมีซัพพลายล้น แต่ความจริงดีมานด์ที่แท้จริงคือคุณภาพ หลายองค์กรพร้อมจะย้ายทันที หากเจอสถานที่ที่ตอบโจทย์มากกว่า”
พร้อมเสริมว่า ในช่วงปี 2023–2025 ตลาด Prime CBD Grade A Office ในกรุงเทพฯ มียอดการเช่าพื้นที่ (Net Absorption) รวมกว่า195,000 ตร.ม. และกว่า 2 ใน 3 หรือราว 137,000 ตร.ม. มาจาก One Bangkok Workplace ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ดีมานด์ของออฟฟิศคุณภาพสูงยังแข็งแรง และ One Bangkok กำลังเป็นหนึ่งในโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้จริง
-------
Winning Location ที่มากกว่าแค่พิกัด
หนึ่งในคำถามที่หลายคนอยากรู้คือ “ทำเล” เพราะนี่คือปัจจัยแรกของการเลือกออฟฟิศ คุณทัตยากรณ์อธิบายว่า One Bangkok ไม่ได้เป็นแค่ prime location ที่ติดถนนใหญ่และระบบขนส่งเท่านั้น แต่ยังเป็นทำเลที่ผสานศูนย์กลางธุรกิจและคุณภาพชีวิตเข้าด้วยกัน
โครงการฯตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนวิทยุ พระราม 4 เชื่อมต่อ MRT สถานีลุมพินี BTS เพลินจิต (พร้อม Shuttle EV Bus) และทางด่วนเฉลิมมหานครโดยตรง ทำให้การเดินทางเข้าออกโครงการเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสำหรับทั้งพนักงานและลูกค้า
สิ่งสำคัญที่ทำให้ที่นี่แตกต่าง คือการตั้งอยู่ระหว่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ สองปอดสีเขียวขนาดใหญ่กลางกรุงเทพฯ ที่รวมกันกว่า 800 ไร่ ทำให้คนทำงานไม่เพียงได้ออฟฟิศใจกลางเมือง แต่ยังได้พื้นที่พักผ่อนและแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
“ทำเลนี้ไม่ใช่แค่เข้าถึงง่าย แต่เป็นการผสมผสานระหว่างศูนย์กลางธุรกิจและคุณภาพชีวิต พนักงานใช้เวลาเดินทางน้อยลง และได้ทำงานท่ามกลางธรรมชาติ” คุณทัตยากรณ์ กล่าว
ทำเลของ One Bangkok จึงกลายเป็น Winning Location ที่ไม่ได้ชนะเพราะอยู่กลางเมืองเท่านั้น แต่ชนะเพราะสามารถผสาน Productivity เข้ากับ Well-being ได้อย่างลงตัว
-------
เทคโนโลยีที่กลายเป็น “Trust Software”
อีกปัจจัยที่ทำให้ One Bangkok แตกต่างคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ
ภายในโครงการมี District Command Center ทำหน้าที่เป็นสมองกลาง ดูแลการทำงานของทั้ง District ผ่านเซนเซอร์กว่า 250,000 จุด และกล้อง CCTV มากกว่า 5,000 ตัว ที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์ เสริมด้วย Central Utility Plant ที่ออกแบบให้เชื่อมกับไฟฟ้า 2 แหล่งหลักจากการไฟฟ้า กทม. ทำให้ระบบพลังงานมีเสถียรภาพสูง ลดโอกาสไฟดับที่อาจกระทบต่อธุรกิจ ขณะที่ District Cooling System ช่วยกระจายความเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และสร้างมาตรฐานความยั่งยืนระดับโลกให้กับทั้งโครงการ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ Data Center ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ซึ่งช่วยให้องค์กรไม่จำเป็นต้องสร้าง Server Room เอง นอกจากจะประหยัดพื้นที่และต้นทุนแล้ว ยังลดความเสี่ยงด้าน Security และช่วยให้องค์กรที่มีข้อมูลสำคัญสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจ
คุณทัตยากรณ์ กล่าว “เราอยากให้ผู้เช่าโฟกัสกับธุรกิจของเขา ส่วนระบบหลังบ้าน One Bangkok จะเป็นผู้ดูแลให้” โครงสร้างเหล่านี้อาจฟังดูเหมือนเป็นฮาร์ดแวร์ แต่ที่แท้จริงแล้วมันคือซอฟต์แวร์ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานขององค์กรให้ดำเนินงานได้อย่างราบรื่นในทุกสถานการณ์
-------
ESG ที่กลายเป็น Reputation Capital
ในโลกที่ ESG กลายเป็นวาระระดับโลก การมีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจึงไม่ใช่เรื่องเลือกได้ แต่เป็นเรื่องจำเป็น One Bangkok ผ่านการรับรอง LEED-ND Platinum, WiredScore และ SmartScore ระดับสูงสุด และยังริเริ่ม Green Lease ที่รวมข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมไว้ในสัญญาเช่า
สำหรับบริษัทจากประเทศที่มีกฎหมาย ESG เข้มงวด เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา การเลือกออฟฟิศที่ไม่ได้มาตรฐาน หมายถึงต้องลงทุนเพิ่มเอง ทั้งการติดตั้งระบบ ตรวจสอบ หรือซื้อใบรับรองเพิ่มเติม แต่การเข้ามาอยู่ที่ One Bangkok ทำให้พวกเขา ปฏิบัติตามข้อกำหนด ESG ได้ทันที โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนซ้ำซ้อน
“องค์กรหรือบริษัทต่างชาติหลายแห่งไม่ต้องลงทุนเพิ่มเอง เพราะเราทำให้ทุกอย่างพร้อมแล้ว” คุณทัตยากรณ์กล่าว
สิ่งเหล่านี้ทำให้ One Bangkok ไม่ได้สร้างเพียงอาคาร แต่สร้าง Reputation Capital ให้กับผู้เช่า ทุนทางชื่อเสียงที่มีผลต่อทั้งนักลงทุน ลูกค้า และพนักงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
-------
ความยืดหยุ่นที่เติบโตไปพร้อมองค์กร
อีกหนึ่งคุณค่าที่องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญคือ “ความยืดหยุ่น” และนี่คือสิ่งที่ One Bangkok มอบให้ ผ่าน พื้นที่สำนักงานรวมกว่า 500,000 ตารางเมตรเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ครอบคลุมตั้งแต่สำนักงานระดับ Premium Grade A ไปจนถึงพื้นที่สำหรับ Innovation Hub และ Co-working Space ที่อยู่ใน ecosystem เดียวกัน
ปัจจุบัน One Bangkok Tower 3 และ Tower 4 ได้เปิดใช้งานแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากองค์กรระดับโลกและบริษัทชั้นนำของไทย ขณะเดียวกัน Tower 5 กำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ทำให้ภาพของ Workplace Ecosystem แห่งนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมรองรับการเติบโตขององค์กรในทุกมิติ ไม่ว่าจะเริ่มจากพื้นที่ขนาดเล็ก จนถึงวันที่ต้องการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น การเติบโตนี้ยังคงอยู่ใน ecosystem เดียวกัน
ความยืดหยุ่นนี้ไม่ใช่เพียงเงื่อนไขในสัญญา แต่คือ แพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตระยะยาว ที่ทำให้องค์กรมั่นใจว่า One Bangkok พร้อมเดินเคียงข้างไปกับทุกก้าวของธุรกิจ
คุณทัตยากรณ์สรุปไว้ชัดเจนว่า
“เราไม่ได้ให้เช่าแค่พื้นที่ แต่เราสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้”
-------
จาก Space Provider สู่ Ecosystem Provider
One Bangkok Workplace ต่างจากอาคารสำนักงานทั่วไป ไม่ใช่แค่มาตรฐานการก่อสร้าง แต่ถูกออกแบบให้เป็น Workplace Ecosystem ที่ขับเคลื่อนด้วยผู้เช่าหลากหลายอุตสาหกรรม
เราจะเห็นทั้งองค์กรระดับโลกอย่าง Microsoft, HSBC, Baker McKenzie, LG ไปจนถึงแบรนด์ไทยที่กำลังเติบโตอย่างเช่น Mizuhada ที่เลือกมาตั้งสำนักงานใหญ่ใน One Bangkok การที่ธุรกิจจากหลากหลาย sector มาอยู่รวมใน District เดียวกัน ไม่ได้แค่เพิ่มความคึกคัก แต่ยังเปิดโอกาสให้เกิด การแลกเปลี่ยนความรู้ ความร่วมมือ และการสร้างนวัตกรรม  
คุณทัตยากรณ์อธิบายว่า
“การเช่าออฟฟิศไม่ใช่เรื่องตารางเมตรอีกต่อไป แต่มันคือการเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ที่ทำให้องค์กรเติบโตเร็วขึ้น”
และเพราะ One Bangkok ไม่ได้หยุดอยู่ที่การเป็นพื้นที่ทำงาน โครงการฯ ยังจัดกิจกรรมด้าน community และงานศิลปวัฒนธรรมตลอดทั้งปี เพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างคนและองค์กร ให้ workplace แห่งนี้ไม่ใช่แค่ตึก แต่เป็น community ที่มีชีวิต
-------
Workplace as a Magnet
ในยุค Hybrid Work หลายองค์กรต่างกังวลว่าจะทำอย่างไรให้พนักงานกลับมาออฟฟิศด้วยความสมัครใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน One Bangkok กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
คุณทัตยากรณ์เล่าให้เราฟังว่า “หลายองค์กรเล่าให้เราฟังว่า ตอนแรกเขาตั้งใจทำ Hybrid แต่พอย้ายมา One Bangkok พนักงานกลับอยากมาออฟฟิศมากขึ้น” 
ที่นี่ไม่ได้มีแค่ พื้นที่สีเขียว และทางเดินร่มรื่น แต่ยังมีบรรยากาศที่ทำให้ชีวิตการทำงานสนุกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศิลปะที่จัดแสดงตลอดโครงการ ร้านอาหารและคาเฟ่ที่คัดสรรมาอย่างดี กิจกรรม community หลังเลิกงาน ไปจนถึง public space ที่ออกแบบให้คนได้พบปะและใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ
One Bangkok จึงทำให้ “ออฟฟิศ” ไม่ได้หมายถึงโต๊ะทำงานเท่านั้น แต่เป็น พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ ที่ถูกออกแบบมาดึงดูดให้คนอยากกลับมาอยู่ร่วมกัน นี่คือซอฟต์แวร์ของวัฒนธรรมองค์กร ที่เงินซื้อไม่ได้ 
-------
มองอนาคต ออฟฟิศคือ Growth Software
ทุกวันนี้ องค์กรไม่ได้มองออฟฟิศเป็นเพียงพื้นที่นั่งทำงานอีกต่อไป แต่เริ่มมองว่ามันคือปัจจัยที่กำหนดทั้งการเติบโตทางธุรกิจ การสร้างวัฒนธรรม และคุณภาพชีวิตของคนทำงาน
คุณทัตยากรณ์สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า
“โจทย์ของตลาดออฟฟิศวันนี้ไม่ใช่แค่การหาตึกที่ดีพอ แต่ต้องหาที่ดีพร้อมที่จะสร้างคุณค่าให้กับองค์กรในระยะยาว”
One Bangkok จึงเป็น Growth Software ที่ผสานโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ มาตรฐาน ESG ทำเลที่เชื่อมทั้งธุรกิจและคุณภาพชีวิต ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และระบบนิเวศที่เอื้อต่อการร่วมมือและนวัตกรรม
ทั้งหมดนี้ทำให้ One Bangkok Workplace กลายเป็น Platform for Growth ที่พร้อมรองรับอนาคต และเป็นการ Reframe ตลาดออฟฟิศไทย จาก Space Provider สู่ Ecosystem Provider ที่จะยกระดับมาตรฐานของตลาดออฟฟิศไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับโลก
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.