
ถ้าโลกไม่แตก จะมีเหตุผลอะไร ที่ไม่ดูแลบ้าน คำถามชวนคิดจาก TOA ที่ชวนคนไทย หยุดมีข้ออ้างเรื่องดูแลบ้าน
4 พ.ย. 2025
เคยสังเกตกันไหมว่า เราทุกคนต่างมีข้ออ้างให้กับทุกเรื่องที่ไม่อยากทำ ไม่เว้นแม้แต่ “เรื่องบ้าน”
เรื่องบ้าน เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยทำก็ได้
เลือกไม่เป็น ให้ช่างเลือกเลย อะไรก็ได้
บ้านเก่าแล้ว จะซ่อมทำไม รอซ่อมทีเดียวไปเลย
เลือกไม่เป็น ให้ช่างเลือกเลย อะไรก็ได้
บ้านเก่าแล้ว จะซ่อมทำไม รอซ่อมทีเดียวไปเลย
นี่คือข้ออ้างเรื่องบ้านยอดฮิตที่ได้ยินจากปากคนไทยอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าในความจริงแล้ว “บ้าน” ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษา และซ่อมแซม อย่างเหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อทำให้บ้านดูใหม่ และน่าอยู่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตาม
ซึ่ง “ข้ออ้างเรื่องบ้าน” เป็นเรื่องสำคัญจน TOA เห็นว่าเป็นอินไซต์และพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่มีความน่าสนใจ และเลือกหยิบยกมาครีเอตเป็นแคมเปญ “เรื่องบ้าน ข้ออ้างไม่มี”
แล้วแคมเปญ “เรื่องบ้าน ข้ออ้างไม่มี” ของ TOA มีความน่าสนใจอย่างไร และมีอินไซต์อะไรอยู่เบื้องหลัง MarketThink จะพาไปเจาะลึกกันในโพสต์นี้..
เริ่มแรกเลย ต้องบอกก่อนว่า แคมเปญ “เรื่องบ้าน ข้ออ้างไม่มี” เป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นจาก การมองเห็นอินไซต์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนไทย ที่ TOA สัมผัสโดยตรง จากประสบการณ์การทำธุรกิจสีทาบ้าน มามากกว่า 60 ปี
โดยนำข้ออ้างเรื่องบ้านต่าง ๆ ของคนไทย มาใช้ในการครีเอตแคมเปญนี้ แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าเรื่องนี้คือเรื่องปกติ เพราะข้ออ้างเรื่องบ้านที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำ จนอาจมองข้ามข้ออ้างเหล่านี้ไปหมดแล้ว
แต่ TOA กลับเป็นแบรนด์ที่กล้าลุกขึ้นมาเล่นกับข้ออ้าง ที่กลายเป็นความเคยชินของคนไทย ด้วยการทำหนังโฆษณาสั้น ๆ แต่ทัชใจ ด้วยการตั้งคำถามกลับไปถึงคนดูว่า “ถ้าโลกไม่แตก จะมีเหตุผลอะไร ที่ไม่ดูแลบ้าน”
เพราะจริง ๆ แล้ว เราสามารถดูแลบ้านได้ตั้งแต่วันนี้ โดยไม่ต้องรอให้โลกแตกก่อนก็ได้
อธิบายแบบนี้อาจยังเห็นภาพไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงต้องขอรีแคปสั้น ๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูหนังสั้นเรื่องนี้ของ TOA
หนังสั้นเรื่องนี้ของ TOA เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่กำลังเลือกซื้อของในร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการดูแลบ้าน
แต่จู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์โลกแตก ทั้งเอเลียนบุก อุกกาบาตพุ่งชนโลก เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย และกลายเป็นข้ออ้าง ที่ทำให้ครอบครัวนี้ตัดสินใจไม่ปรับปรุงบ้าน เพราะโลกกำลังจะแตก
หนังสั้นเรื่องนี้ของ TOA ตั้งใจใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบเหนือจริง (Surreal) เพราะโอกาสที่โลกจะแตกจริง เป็นไปได้น้อยมาก จนเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้
แต่การนำสถานการณ์โลกแตกมาใช้ในการเล่าเรื่อง ทำให้คนดูเห็นว่าหนังโฆษณาเรื่องนี้ของ TOA ต้องการสื่อสารไปยังคนดูแบบชัด ๆ เลยว่า โลกแตก ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ดูแลบ้าน
และกระตุ้นให้คนดูได้มองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า เรากำลังเป็นคนหนึ่ง ที่มองข้ามการดูแลบ้านหรือไม่ และถ้าโลกไม่แตก จะมีข้ออ้างอะไร ที่จะไม่ดูแลบ้านให้ดีที่สุด
ถ้าวิเคราะห์ในมุมของเพจการตลาดแบบ MarketThink จะเห็นได้ว่า Mechanic หลักของแคมเปญนี้ คือการสร้าง Awareness
ทั้งในมุมของ Awareness ทางการตลาด ซึ่งหมายถึงการสร้างการรับรู้ และ Awareness ในมุมของการสร้างความตระหนักรู้
ส่วนการสร้างยอดขาย กลายเป็นวัตถุประสงค์รอง ซึ่งเป็นผลพลอยได้ ที่เกิดขึ้นในภายหลัง
เพราะหลังจากดูหนังโฆษณาเรื่องนี้ของ TOA จบ สิ่งที่หลายคนน่าจะคิดตรงกันคือ เราได้ฉุกคิดว่าจริง ๆ แล้ว เรื่องบ้านไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้าง ไม่ต้องรอให้บ้านพังก่อนแล้วค่อยซ่อมแซม แต่บ้านคือสถานที่ที่ต้องการการดูแลรักษาอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ หากวิเคราะห์ในมุม Brand Voice ของ TOA ในหนังโฆษณาเรื่องนี้ จะพบว่ามี Brand Voice หรือน้ำเสียงที่ใช้สื่อสาร ในโทนที่เรียบง่าย ไม่เป็นทางการ แต่เป็นกันเอง เหมือนเพื่อนพูดคุยกัน
ซึ่ง Mechanic ทั้งหมดที่เราเห็นได้จากแคมเปญนี้ ทั้งการสร้าง Awareness และการเลือกใช้ Brand Voice จริง ๆ แล้ว เป็นการสร้างความผูกพันทางด้านอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า (Emotional Branding)
เป็นวิธีการสื่อสารจากแบรนด์ ที่จะได้ผลดีต่อการสร้างแบรนด์ในระยะยาว ทำให้แบรนด์มีความโดดเด่น แตกต่าง และทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดี
คิดภาพตามง่าย ๆ ว่า หากเราดูหนังโฆษณาเรื่องนี้จนจบ ก็น่าจะเข้าใจ Key Message อีกหนึ่งอย่างว่า TOA เป็นแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังการดูแลบ้านของคนไทยมาอย่างยาวนาน
ด้วยการนำเสนอ “นวัตกรรม” ที่อยู่ในสินค้าของ TOA ที่แม้จะไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องการปกป้องบ้านในวันที่โลกแตก แต่ตอบโจทย์การดูแลบ้านสำหรับการอยู่อาศัยจริงของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น
นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อความง่ายในการใช้งาน เปิดฝาแล้วใช้ได้ทันที
นวัตกรรมป้องกันการรั่วซึม
และนวัตกรรมกันความร้อนจากแสงแดด
นวัตกรรมป้องกันการรั่วซึม
และนวัตกรรมกันความร้อนจากแสงแดด
ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ ล้วนตอบโจทย์ปัญหาเรื่องการดูแลบ้าน ที่คนส่วนใหญ่เจอแบบครบครันอยู่แล้ว
และยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิดหลัก ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ TOA ที่เน้นความทนทาน ความสะดวกสบาย และความสบายใจในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ
โดยตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ของ TOA ที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมในหนังโฆษณาเรื่องนี้ ก็อย่างเช่น
TOA 4 Seasons
TOA Roofseal
TOA Aqua Shield
TOA Pro Expert
TOA Polyurethane 1K Ultimate
TOA Glipton 2IN1
TOA MD 2IN1
TOA Roofseal
TOA Aqua Shield
TOA Pro Expert
TOA Polyurethane 1K Ultimate
TOA Glipton 2IN1
TOA MD 2IN1
ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ของ TOA ล้วนแล้วแต่เป็นนวัตกรรม เพื่อทำให้คนไทยดูแลรักษาบ้าน ได้ดีและง่ายยิ่งขึ้น นั่นเอง
เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้ น่าจะเห็นกันแล้วว่า แคมเปญ “เรื่องบ้าน ข้ออ้างไม่มี” ของ TOA มีความน่าสนใจตรงที่ การหยิบเอาอินไซต์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คนไทยเคยชิน
มาสื่อสารและกระตุ้นให้เกิดการฉุกคิดว่า “เรื่องบ้าน ข้ออ้างไม่มี” และ “ถ้าโลกไม่แตก จะมีเหตุผลอะไร ที่ไม่ดูแลบ้าน”
พร้อมทั้งนำเสนอ Branding ด้านการสร้างนวัตกรรม ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของ TOA มาอย่างยาวนาน
#เรื่องบ้านข้ออ้างไม่มี
#TOAนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น
#TOAนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น