
สรุปอินไซต์ Wingstop ไก่ทอดจุ่มซอส ที่ S&P นำมาเปิดในไทย มีคุณเนม Getsunova เป็นผู้บริหาร
12 ธ.ค. 2025
- ล่าสุดในวันพรุ่งนี้ Wingstop ต้นฉบับ “ไก่ทอดจุ่มซอส” เจ้าดังจากสหรัฐฯ ที่ไม่ว่าจะไปเปิดให้บริการที่ประเทศไหน ก็มีกระแสตอบรับดี กำลังจะเปิดที่สาขาแรกในไทย ที่ MBK ชั้น 2
แล้ว Wingstop มีกลยุทธ์อย่างไร ในการชิงตลาดไก่ทอดในบ้านเรา ที่แข่งขันกันสูงสุด ๆ ?
MarketThink สรุปอินไซต์ที่น่าสนใจ ให้อ่านกันในโพสต์นี้
1. คนที่เอา Wingstop เข้ามาเปิดในประเทศไทยคือ S&P แบรนด์ที่คนไทยชอบไปซื้อเค้กวันเกิด
โดย S&P จะเป็นคนบริหารร้าน Wingstop ทุกสาขาในประเทศไทยด้วยตัวเอง ในฐานะของ “มาสเตอร์แฟรนไชส์” และมีการจดบริษัทใหม่ ชื่อว่า “บริษัท เอส แอนด์ พี วิงส์ จำกัด”
2. ผู้บริหารแบรนด์ Wingstop ในไทย คือคุณเนม-ปราการ ไรวา
นักร้องนำวง Getsunova เจ้าของเพลง ไกลแค่ไหนคือใกล้ ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า เขาคือทายาทของ S&P นั่นเอง
3. กลุ่มเป้าหมายของ Wingstop คือ กลุ่มคน Gen Z
โดยทางแบรนด์ ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของ นักศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อหาอินไซต์มาปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
ตัวอย่างเช่น การเลือกเวลาปิดร้านเป็นตอนตี 2 ก็ได้มาจากการเห็นอินไซต์ว่า คนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมชอบทานอาหารดึก ๆ นั่นเอง
4. S&P มองว่าตลาดไก่ทอด QSR (Quick Service Restaurant) มีมูลค่ารวมกัน 30,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
S&P จึงมองว่าตลาดนี้น่าลงไปเล่น และแบรนด์ Wingstop เอง ก็มีศักยภาพมากพอ ที่จะมาแย่งส่วนแบ่งตรงนี้ได้ ซึ่งดีกว่าการปั้นแบรนด์ใหม่มาสู้โดยเฉพาะ
5. Ticket Size หรือ "ยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิล" Wingstop วางไว้ที่ 400 บาท
โดยราคาเซตเริ่มต้นของ Wingstop ในไทยจะอยู่ที่ 159 บาท ลูกค้าจะไก่ Boneless (ไก่ส่วนสะโพกไม่มีกระดูก) ทั้งหมด 6 ชิ้น
แต่ทางร้านจะใช้กลยุทธ์ Up-Selling และ Cross-Selling เพิ่มเติม เช่น การขายเครื่องเคียง หรือการอัปไซส์ มาเพิ่มยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิลให้ถึงเป้า
6. เมนูไก่ของ Wingstop ในไทยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- Classic Wing (ปีกไก่ทอด)
- Tenders (สันในไก่)
- Boneless (ไก่ส่วนสะโพกไม่มีกระดูก)
โดยตัวไก่จะมีให้เลือก 9 รสชาติ แบ่งตามระดับความเผ็ด ได้แก่
ไม่เผ็ด
- Garlic Parmesan
- Lemon Pepper
- Hickory Smoked BBQ
เผ็ดกลาง
- Hot Honey Rub
- Louisiana Rub
- Texas Buffalo
และเผ็ดมาก
- Mango Habanero
- Inferno
- Atomic Blast ซึ่งตัวนี้จะเผ็ดมาก ๆ คล้ายซอสเผ็ดของไก่เกาหลี และในเอเชียรสชาตินี้ จะมีขายแค่ในไทยกับอินโดนีเซียเท่านั้น
7. ส่วนเมนูอื่น ๆ จะมี “ตัวดิป” มีให้เลือกทั้งหมด 2 รสชาติ ได้แก่
Ranch Dip และ Cheese Dip แต่ในอนาคต จะมีเพิ่มเติมอีก
และเครื่องเคียงเบื้องต้นจะมีแค่ 2 อย่าง คือ เฟรนช์ฟรายส์ และโคลสลอว์
8. Wingstop ในไทย มีเกณฑ์ในการเลือกทำเล 3 ข้อ ได้แก่
- จำนวนคนเดินผ่านต้องเยอะ ที่สำคัญต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ด้วย
- ความโดดเด่นของทำเล ต้องมองเห็นได้ง่าย
- ต้องมีขนาด 200 ตารางเมตร ขึ้นไป
ซึ่งบริเวณ MBK ผ่านเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อนี้
โดยตั้งเป้าจะใช้เกณฑ์ทั้ง 3 ข้อนี้ มาขยาย Wingstop ให้ครบ 7 สาขา ภายในสิ้นปี 2569 และเบื้องต้นจะอยู่แต่ในกรุงเทพฯ ก่อน
9. Wingstop คาดว่า จะใช้งบการตลาด 4-5% ของเงินทุน ซึ่งถือว่าไม่มาก
แต่ที่แบรนด์เป็นกระแสได้เร็ว เพราะเน้น User-Generated Content (UGC) ที่ลูกค้าเป็นคนทำขึ้นด้วยตัวเอง
อย่างเช่น ช่วงก่อนเปิดตัว Wingstop ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “Hoarding Talking” หรือ การใช้โฆษณาที่เหมือนโต้ตอบกับลูกค้าได้
เหมือนกับที่เราเห็นการเลือกใช้คำ Copywriting ที่หน้าร้านว่า “พวกยูว ว่าเปิดเมื่อไหร่ดีนะ” เหมือนกำลังคุยกับคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการแชร์ต่อ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักตั้งแต่ก่อนที่ร้านจะเปิด แบบไม่ต้องซื้อโฆษณา
10. คุณเนมตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในสิ้นปี 2569 Wingstop จะมีทั้งหมด 7 สาขา
และมีรายได้รวมกัน 100 ล้านบาท และอยากเป็น Top of Mind ของร้าน QSR ในใจคนรุ่นใหม่
สำหรับ Wingstop ตอนนี้มีทั้งหมด 2,818 สาขาทั่วโลก ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา และมีสาขานอกสหรัฐอเมริกา เช่น ประเทศอังกฤษ เม็กซิโก อินโดนีเซีย และสิงคโปร์
โดยไทยเป็นประเทศที่ 5 ของเอเชียที่มีร้าน Wingstop เป็นของตัวเอง
สุดท้ายนี้ก็น่าสนใจมาก ๆ ว่า Wingstop จะสามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดไก่ทอดในไทย ได้มากแค่ไหน ?
เพราะต้องยอมรับว่า แม้ตลาดจะใหญ่ระดับ 30,000 ล้านบาท แต่ก็มีแต่ผู้เล่นแข็ง ๆ อย่าง KFC และ McDonald's ที่ครองตลาดมานานแล้ว
แถมยังมีแบรนด์ใหม่มาแรงอย่างพวก โอ้กะจู๋ ที่ในช่วงหลัง ๆ ก็มีการทำแบรนด์ไก่ทอด ชื่อ “Joe Wings” ออกมาแข่งในตลาดนี้ เช่นเดียวกัน..