10 เรื่องน่ารู้ของแอป “ดอลฟิน”

10 เรื่องน่ารู้ของแอป “ดอลฟิน”

17 มิ.ย. 2020
ดอลฟิน (Dolfin) แอปน้องใหม่มาแรงภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค
ที่ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ
รวมไปถึงบริการการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินออนไลน์ที่มีชื่อว่า "Dolfin Wallet“
ดอลฟิน เปิดตัวมาได้เกือบปีแล้ว และมีจำนวนผู้ใช้เกินล้านราย
ดอลฟิน มีฟีเจอร์อะไรบ้าง และมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกว่า อี-วอลเล็ท อื่นๆ ในไทยอย่างไร สรุปได้ดังนี้
1) กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ดอลฟิน (Dolfin Wallet) คืออะไร?
คือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะมาเปลี่ยนประสบการณ์การใช้จ่ายให้สะดวกสบาย ปลอดภัย
ทำให้เราไม่ต้องพกเงินสด เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียว
ก็เหมือนพกกระเป๋าสตางค์ เพื่อซื้อของ และรับประทานอาหารได้แล้ว
2) ตัวช่วยสำหรับทุกอย่าง สะดวก จบ ในแอปเดียว
Dolfin Walle มีฟังก์ชั่นในการเลือกซื้อ สั่ง จ่าย และโอน ผ่านหน้าแอปแบบครบจบในที่เดียว
ง่ายๆ เพียงสแกนจ่ายด้วยคิวอาร์โค้ด หรือ จะให้ทางร้านค้าสแกนบาร์โคดผ่านแอปพลิเคชั่นก็ได้
3) แพลตฟอร์มอยู่ภายใต้การร่วมมือระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่
แอปดอลฟิน เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค
ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้การร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และ JD.com/JD Digits
ผู้นำธุรกิจฟินเทค และอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของประเทศจีน
โดยการร่วมมือนี้ ได้มีการนำเทคโนโลยีทางด้านการเงิน มาพัฒนาและส่งมอบบริการด้านการเงิน
และด้วยฐานผู้ใช้ที่กว้างของทั้งสองบริษัท แพลตฟอร์มดอลฟิน จึงเข้าใจถึงเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบัน
4) แอปที่มาพร้อมกับความปลอดภัยสูงสุด
ดอลฟิน ได้นำระบบ E-KYC (Electronic Know-Your-Customer) เข้ามาพัฒนาด้านระบบรักษาความปลอดภัยในการให้บริการ
ด้วยการนำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (facial recognition)
และการอ่านตัวอักษรจากภาพถ่าย (optical character recognition) ที่มีความแม่นยำสูง
มาช่วยในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้เมื่อทำการสมัครใช้บริการ
และเสริมความปลอดภัยในการชำระเงินแต่ละครั้งด้วยเทคโนโลยี Dynamic QR Code
เพื่อให้ผู้ใช้งานหมดห่วงกับการโดนโจรกรรมข้อมูลต่างๆ
5) หมดห่วงเรื่องการชำระเงินข้ามแพลตฟอร์มกับระบบ “Open-loop” และช่องทางการเติมเงินที่หลากหลาย
Dolfin Wallet ได้ถูกพัฒนาระบบการจ่ายเงินเป็นแบบ open-loop
คือสามารถรองรับการชำระเงินให้กับทุกร้านค้า ที่เปิดรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code ในระบบพร้อมเพย์ที่มีกว่า 4.5 ล้านจุดทั่วประเทศ
และปัจจุบันมีจุดรับชำระเงินกับร้านค้าพันธมิตรอีกกว่า 6,000 จุดทั่วประเทศ อาทิเช่น Central, Robinson, Tops, Supersports, B2S, Family Mart, Major Cineplex Ootoya, Pepper Lunch, McDonalds, KFC, Black Canyon, Boots
อีกทั้งยังสามารถเติมเงินได้แบบครบครันทุกช่องทาง
โดยสามารถเลือกตัดจ่ายตรงด้วยการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิตทุกประเภท, เติมเงินผ่านแอป Mobile Banking หรือเติมเงินเข้าสู่บัญชีดอลฟิน ผ่านเคาน์เตอร์เซ็นเพย์ (CenPay) กว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ
6) โปรโมชันตลอดปี พร้อมสะสมแต้ม The1
Dolfin Wallet พร้อมมอบโปรโมชันและสิทธิพิเศษมากมายจากร้านค้าพันธมิตร
ทั้งในและนอกเครือเซ็นทรัล ตลอดทั้งปี
และยังมีร้านค้าพันธมิตรใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต
นอกจากนี้ Dolfin Wallet ยังเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพียงรายเดียว
ที่ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนพิเศษ The1 สำหรับทุกการใช้จ่าย 100 บาทที่จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดอลฟิน
7) จ่ายก่อนก็สบายใจ กับฟีเจอร์ “แชร์กันจ่าย”
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เข้ามาตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์การจับจ่าย กิน เที่ยว ฟิน เป็นแก็งค์ ให้หารจ่ายกันง่ายๆ
“แชร์กันจ่าย (Share bill)” แค่ใส่ยอดค่าใช้จ่ายของบิลนั้นๆ
และเลือกได้เลยว่าจะ หารเท่า หรือ หารจ่ายตามจริง แล้วส่ง QR code ไปให้เพื่อนได้เลย
รวมถึงในอนาคตแอปจะพัฒนาฟีเจอร์ให้มีการแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ยังไม่คืนเงินอีกด้วย
ช่วยอำนวยความสะดวกในการทวงเงินคืน
8) คลิกสั่งไว ไม่รอคิว
แอปดอลฟิน ได้เปิดบริการใหม่อย่าง “คลิกสั่งไว ไม่รอคิว (Order & Collect)” ร่วมกับท็อปส์
เพื่อเพิ่มความสะดวก และประหยัดเวลา
โดยผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
พร้อมชำระเงินผ่าน Dolfin Wallet
แล้วไปรับสินค้าได้เลยภายใน 2 ชั่วโมง ณ จุดบริการลูกค้าของท็อปส์ 10 สาขาใกล้บ้าน
นอกจากนี้แอปยังเปิดให้บริการการสั่งอาหารแบบ Take Away จาก 12 ร้านดังในเครือซีอาร์จี
โดยไม่ต้องรอคิว ช่วยประหยัดเวลาในการรอสั่งอาหารที่หน้าร้าน และการรอรับอาหาร
9) รับประทานชิลๆ ห่างไกลโควิด
กับฟีเจอร์ ‘คลิกสั่งไว ไร้สัมผัส (Zero-Touch Dine in Experience)’
ที่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อให้ลูกค้าสามารถทั้งสั่งอาหาร นั่งทาน และจ่ายในแอปเดียวผ่านคิวอาร์โค้ด
โดยไม่ต้องสัมผัสเมนูหรือเงินสด
ง่ายๆ เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปดอลฟินที่โต๊ะอาหารในร้านอาหารชั้นนำในเครือซีอาร์จี
เพื่อเลือกสั่งเมนูอาหารที่ต้องการ
10) เบื้องหลังที่มาของคำว่า “ดอลฟิน
ดอลฟิน (Dolfin) มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษ “Dolphin” ที่แปลว่าปลาโลมา
ผสมคำว่า “Finance” โดย ‘Fin” นั้นสื่อได้ถึง 2 ความหมาย คือเรื่องการเงิน และความรู้สึกฟินที่ได้อะไรที่ถูกใจ
ซึ่งเจ้าปลาโลมานั้น นอกจากจะฉลาดแล้ว ยังเป็นมิตรและจริงใจกับทุกคนอีกด้วย
เปรียบเสมือนแบรนด์ของ ดอลฟิน ที่ต้องการสื่อว่าเข้าได้กับทุกพันธมิตรธุรกิจ
และพร้อมจะช่วยสนับสนุนให้พันธมิตรสามารถเติบโตไปข้างหน้าด้วยกันได้อย่างยั่งยืน
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.