Apple มีรายได้ทรงตัว แต่ยอดขาย iPhone หดตัว -21% ในไตรมาสที่ 4
30 ต.ค. 2020
ล่าสุด Apple เพิ่งประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 (ก.ค. - ก.ย. 2020)
โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,017,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,017,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยแบ่งเป็น รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 1,563,671 ล้านบาท (78%) ลดลง 3%
รายได้ค่าบริการ 453,645 ล้านบาท (22%) เพิ่มขึ้น 16%
รายได้ค่าบริการ 453,645 ล้านบาท (22%) เพิ่มขึ้น 16%
และมีกำไร 395,150 ล้านบาท ลดลง 7%
สรุปแล้ว รายได้จากผลิตภัณฑ์ของ Apple โดยรวมลดลง
ในขณะที่ฝั่งบริการต่างๆ เช่น AppleCare, Apple Music, iCloud, App Store, Apple Pay และ Apple Search Ads ยังเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส
ในขณะที่ฝั่งบริการต่างๆ เช่น AppleCare, Apple Music, iCloud, App Store, Apple Pay และ Apple Search Ads ยังเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส
ถ้าดูรายละเอียดในส่วนของรายได้ผลิตภัณฑ์ Apple จะมีรายได้จาก
iPhone 824,537 ล้านบาท ลดลง 21%
Mac 281,622 ล้านบาท เติบโต 29%
iPad 211,934 ล้านบาท เติบโต 46%
Wearables (เช่น Apple AirPods และ Apple Watch) 245,578 ล้านบาท เติบโต 21%
iPhone 824,537 ล้านบาท ลดลง 21%
Mac 281,622 ล้านบาท เติบโต 29%
iPad 211,934 ล้านบาท เติบโต 46%
Wearables (เช่น Apple AirPods และ Apple Watch) 245,578 ล้านบาท เติบโต 21%
จะเห็นได้ว่า ยอดขายของ Mac, iPad และ Wearables เติบโตอย่างโดดเด่น เพราะได้รับอานิสงส์จากการที่ผู้คนทำงานที่บ้าน และเรียนออนไลน์กันมากขึ้น
และเทรนด์ความนิยมในผลิตภัณฑ์ AirPods, Apple Watch ที่ยังร้อนแรงอยู่
รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น iPad Air รุ่นใหม่ และ Apple Watch Series 6
อย่างไรก็ดี iPhone ที่เป็นรายได้หลักของบริษัท กลับประสบปัญหายอดขายหดเป็นเลขสองหลัก
ซึ่งมีสาเหตุมาจาก ยอดขายที่ชะลอตัวลงในประเทศจีน
ซึ่งมีสาเหตุมาจาก ยอดขายที่ชะลอตัวลงในประเทศจีน
และผู้บริโภค ได้ชะลอการตัดสินใจซื้อ iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว
เพราะ รอการเปิดตัวและวางขายของ iPhone 12
เพราะ รอการเปิดตัวและวางขายของ iPhone 12
ทั้งนี้ รายได้ทั้งหมดของ Apple จะมาจาก
สหรัฐฯ 957,179 ล้านบาท (48%) เติบโต 5%
ยุโรป 526,950 ล้านบาท (26%) เติบโต 13%
จีนแผ่นดินใหญ่ 247,760 ล้านบาท (12%) ลดลง 29%
ญี่ปุ่น 156,620 ล้านบาท (8%) เติบโต 1%
ประเทศที่เหลือในเอเชียแปซิฟิก 128,807 ล้านบาท (6%) เติบโต 13%
สหรัฐฯ 957,179 ล้านบาท (48%) เติบโต 5%
ยุโรป 526,950 ล้านบาท (26%) เติบโต 13%
จีนแผ่นดินใหญ่ 247,760 ล้านบาท (12%) ลดลง 29%
ญี่ปุ่น 156,620 ล้านบาท (8%) เติบโต 1%
ประเทศที่เหลือในเอเชียแปซิฟิก 128,807 ล้านบาท (6%) เติบโต 13%
จีนเป็นประเทศที่มียอดขายหดตัวมากที่สุด
ส่วนยุโรปและเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น) มียอดขายเติบโตมากที่สุด
ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020
ส่วนยุโรปและเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น) มียอดขายเติบโตมากที่สุด
ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020
โดย ณ วันที่ 26 ก.ย. 2020
Apple ถือเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการตลาด รวมกันอยู่ 2,835,600 ล้านบาท
Apple ถือเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการตลาด รวมกันอยู่ 2,835,600 ล้านบาท
ซึ่งหลังจากประกาศผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด
ราคาหุ้นของ Apple ร่วงลง 4.2% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ
คิดเป็นการลดลงของมูลค่าบริษัทกว่า 2,600,000 ล้านบาท ภายในวันเดียว..
ราคาหุ้นของ Apple ร่วงลง 4.2% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ
คิดเป็นการลดลงของมูลค่าบริษัทกว่า 2,600,000 ล้านบาท ภายในวันเดียว..
ทั้งนี้ สำหรับผลประกอบการปี 2020 ของ Apple (ก.ย. 2019 - ก.ย. 2020)
บริษัทมีรายได้ 8,559,515 ล้านบาท เติบโต 6%
บริษัทมีรายได้ 8,559,515 ล้านบาท เติบโต 6%
โดยแบ่งเป็น
iPhone 4,296,080 ล้านบาท ลดลง 3%
บริการต่างๆ 1,676,513 ล้านบาท เติบโต 16%
Wearables (เช่น Apple AirPods และ Apple Watch) 954,747 ล้านบาท เติบโต 25%
Mac 892,448 ล้านบาท เติบโต 11%
iPad 739,726 ล้านบาท เติบโต 11%
iPhone 4,296,080 ล้านบาท ลดลง 3%
บริการต่างๆ 1,676,513 ล้านบาท เติบโต 16%
Wearables (เช่น Apple AirPods และ Apple Watch) 954,747 ล้านบาท เติบโต 25%
Mac 892,448 ล้านบาท เติบโต 11%
iPad 739,726 ล้านบาท เติบโต 11%
และมีกำไร 1,790,104 ล้านบาท เติบโต 4%
Tag:Apple