กรุงศรี ฟินโนเวต เผย 6 เทรนด์ Startup มาแรงในปี 2021

กรุงศรี ฟินโนเวต เผย 6 เทรนด์ Startup มาแรงในปี 2021

10 ก.พ. 2021
หลายสำนักคาดการณ์ว่าปี 2021 จะเป็นปีที่ร้อนแรงมากขึ้นไปอีก สำหรับวงการ Startup ในประเทศไทย สังเกตได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ ที่เปิดใจรับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกจากบ้าน ก็ยังสามารถทำทุกอย่างได้ผ่านเทคโนโลยี
กรุงศรี ฟินโนเวต Corporate Venture Capital (CVC) ในเครือกรุงศรี จึงได้ออกมาวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Startup ไทย ที่จะโตสวนกระแสและครองใจผู้บริโภคในปีนี้ได้อยู่หมัด
กับ 6 Startup Technology Trends in 2021 ต่อไปนี้
1)Robo-Advisory Wealth Management
แพลตฟอร์มขายกองทุนผ่านออนไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถซื้อขายได้ทุกกองทุนในประเทศ แล้วยังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เปิดบัญชีก็ทำได้ง่าย และมีระบบแนะนำการลงทุนให้เหมาะสมกับลูกค้าเป็นรายบุคคล
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีขายกองทุนผ่านออนไลน์นั้น ได้รับความสนใจมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ก็มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับและใช้อย่างแพร่หลายเป็นพิเศษในปีนี้
2)Peer to Peer Lending (P2P lending)
การกู้ยืมเงินผ่านแพลตฟอร์มให้บริการทั้งกู้เงินส่วนบุคคลและ SME โดยไม่ผ่านธนาคาร
เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้กู้ และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนของผู้ให้กู้
โดยในปีนี้จะมี Startup หลายราย จากทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. มาเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่าง SME ผู้กู้ และผู้ให้กู้รายย่อย
ซึ่งต้องยอมรับว่าแพลตฟอร์มนี้มาในจังหวะที่ดีที่จะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย เพราะ SME ที่มีศักยภาพหลายรายที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่สามารถขอกู้ธนาคารหรือได้รับอนุมัติยากมากนั่นเอง
ในทางตรงกันข้าม Startup อาจพบอุปสรรคในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน เลยทำให้ผู้ปล่อยกู้ไม่มั่นใจไปด้วย
3)Data Management Platform
จะเป็นเทคโนโลยีที่ทั้งธุรกิจ SME และบริษัทขนาดใหญ่ (Corporate) กำลังพุ่งความสนใจมาที่แพลตฟอร์มนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกบริษัทต่างก็มีข้อมูลมากมาย ที่ยังไม่สามารถจัดเรียงข้อมูลเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
หรือไม่สามารถวิเคราะห์ และเอามาต่อยอดได้
รวมทั้งถ้าจะเลือกใช้บริการเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Salesforce ก็มีราคาสูงเกินไป จึงเป็นโอกาสสดใสของ Startup ไทยขนาดกลางและเล็ก ที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยมากกว่า
4)e-Logistic
เป็นเทคโนโลยีที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือดจากทั้ง Startup ไทยและจีน เพื่อแย่งชิงตลาดการซื้อขายออนไลน์หรือ E-Commerce ที่เติบโตอย่างมหาศาล ซึ่งเราจะเห็นได้จากราคาขนส่งที่จะลดลงเรื่อยๆ จากที่เคยมีผู้เล่นในตลาดน้อยจึงทำให้ราคาสูงถึง 50 บาทต่อชิ้น เมื่อ 2 ปีก่อน
ในขณะที่ตอนนี้ ผู้เล่นกลุ่ม e-Logistic มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ค่าส่งเหลือต่ำกว่า 20 บาท ผ่านการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด
5)InsurTech
เทคโนโลยีด้านประกันที่มาแรงตั้งแต่ปีก่อน จากสถานการณ์โควิด 19 ที่กระตุ้นให้เรื่องของสุขภาพและการใส่ใจในเรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดี กลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก เติบโตพร้อมๆ กับการขายประกันโควิด 19 ในรูปแบบออนไลน์
และทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองหรือประกันง่ายขึ้น
ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็น Startup หลายราย เข้ามาร่วมมือกับบริษัทประกันแบบดั้งเดิม ด้วยการเพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ในสัดส่วนที่มากขึ้น หรือนำมาเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ไม่ว่าจะผ่านสาขา หรือตัวแทนภายใต้รูปแบบดิจิทัล
6)Cryptocurrency Exchange
ตั้งแต่ ก.ล.ต. ออกใบอนุญาตให้ Startup ทำกระดานขายสกุลเงินดิจิตอล (Digital Currency)
ก็มีผู้เล่นเข้ามาหลากหลายจากทั้งในและต่างประเทศ โดยมีจุดขายที่การนำเสนอแบบไม่มีค่าธรรมเนียมในการเทรด และมีผลิตภัณฑ์ที่ฝากเหรียญแล้วให้ดอกเบี้ยสูงถึง 16% ต่อปี
สังเกตได้จากความคึกคักในปีนี้ ก็มาจากราคาของ Bitcoin ที่ทะยานสูงเกินกว่า 1.4 ล้านบาทต่อเหรียญไปแล้ว
อ้างอิง - ดิจิตัล แจม (ไทยแลนด์)
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.