ฟูจิฟิล์ม จับมือกับ ศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำนวัตกรรมทางการแพทย์ ออกหน่วยตรวจสุขภาพเชิงรุก ณ ชุมชนห่างไกล จ.เชียงราย

ฟูจิฟิล์ม จับมือกับ ศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำนวัตกรรมทางการแพทย์ ออกหน่วยตรวจสุขภาพเชิงรุก ณ ชุมชนห่างไกล จ.เชียงราย

29 ส.ค. 2022
หากนึกถึง ฟูจิฟิล์ม ภาพจำของใครหลายคน จะมองว่า ฟูจิฟิล์ม คือบริษัทฟิล์มอันดับต้น ๆ ของโลก
แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นและยุคดิจิทัลที่เข้ามา
ทำให้ธุรกิจฟิล์มที่เคยรุ่งเรือง กลายเป็นสินค้าที่มีคนสนใจแค่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น ฟูจิฟิล์มจึงได้ขยายสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร
หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจทางการแพทย์ (Healthcare) ที่ได้เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2479
ซึ่งถือเป็นธุรกิจสำคัญที่ช่วยให้ Portfolio โดยรวมของฟูจิฟิล์มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แล้วในแง่ของการตอบแทนคุณค่า คืนกลับสู่สังคม ฟูจิฟิล์มนำเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้อย่างไรบ้าง ?
ล่าสุด ฟูจิฟิล์ม ได้สนับสนุน ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดโครงการ “ออกหน่วยตรวจสุขภาพประชาชนในเขตพื้นที่ห่างไกล จ.เชียงราย” ในพื้นที่บ้านเล่าลิ่ว และบ้านปางมะหัน
โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการคัดกรองวัณโรคเชิงรุก และลดข้อจำกัดด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน ให้กับประชาชนในพื้นที่ ชาวเขา และชนกลุ่มน้อยไร้สัญชาติ
สาเหตุที่เลือกบ้านเล่าลิ่ว และบ้านปางมะหัน เป็นจุดหมายของการทำโครงการ
ก็เพราะว่าเป็นชุมชนพื้นที่ห่างไกลในจังหวัดเชียงราย ที่ตั้งอยู่บนเขาและห่างไกลจากตัวเมืองเกือบ 100 กิโลเมตร
ทำให้คนในพื้นที่ประสบกับความยากลำบากในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ และไม่เคยเข้ารับการตรวจเอกซเรย์มาก่อน เนื่องจากรถเอกซเรย์ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้
อีกเหตุผลก็คือ ในปี 2564 มีรายงานว่า พบผู้ป่วยวัณโรคในอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ถึง 67 คน และมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 9% ต่อปี
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความร่วมมือกันระหว่างศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และฟูจิฟิล์ม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
หากวิเคราะห์ถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะของทั้ง 2 แห่ง จะพบว่า
ศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีการบริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการผ่าตัดทางการแพทย์ที่ซับซ้อน
ส่วนฟูจิฟิล์ม มีนวัตกรรมทางการแพทย์ อย่างเครื่องเอกซเรย์ FDR Xair เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบพกพาขนาดเล็ก ที่มีน้ำหนักเพียง 3.5 กิโลกรัม ทำให้พกพาสะดวก และสามารถเข้าถึงผู้ป่วยติดเตียงได้ แม้จะอยู่บนพื้นที่ห่างไกลก็ตาม
นอกจากนั้น ความสำเร็จของโครงการนี้ ยังทำให้มีประชาชนลงทะเบียนเข้ารับการตรวจสุขภาพทั้งสิ้น 550 คน ซึ่งตรวจพบผู้ป่วยที่มีภาวะความผิดปกติทางปอดจำนวน 147 คน และได้รับการนัดหมายเพื่อเข้ารับการรักษาในลำดับต่อไป
รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงว่า เป็นการจัดตั้งขึ้นตามพระนามของสมเด็จย่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งเป็นที่รู้จักในพระนาม “แม่ฟ้าหลวง”
โดยพระองค์ท่านทรงให้ความสนใจในสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของประชาชนชาวไทย จึงได้ตั้งศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขึ้น
จุดประสงค์หลักเพื่อให้บริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน ช่วยป้องกันประชาชนจากการเจ็บป่วย และลดภาระงบประมาณด้านสุขภาพของประเทศ
ศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการให้ความรู้และการป้องกันโรค มากกว่าการรักษาโรค ซึ่งเป็นปณิธานของเราเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.ธวัชชัย อภิเดชกุล รักษาการแทนผู้อำนวยการศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวเสริมอีกว่า
ศูนย์บริการสุขภาพฯ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 3P ที่ครอบคลุมถึง
1) การป้องกันโรค (Prevention)
2) การคัดกรองพยากรณ์โรค (Prediction)
3) การส่งเสริมสุขภาพ (Promotion)
โดยเน้นไปยังกลุ่มประชาชนที่มีความยากลำบากต่อการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์
ซึ่งก่อนหน้านี้ เราพบอุปสรรคในการออกหน่วยตรวจสุขภาพ และการเข้าถึงผู้ป่วยวัณโรคในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายเครื่องมือแพทย์ไปยังพื้นที่ห่างไกล
ดังนั้น โครงการตรวจสุขภาพในความร่วมมือของศูนย์บริการสุขภาพฯและฟูจิฟิล์ม จึงเป็นการสนับสนุนในด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและให้การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ตลอดจนการรักษาแก่ประชาชนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
มร.ยูโตะ คุมาไก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า
ฟูจิฟิล์ม มีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังต่อการแก้ไขปัญหาสังคมในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เราจึงคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ที่ครอบคลุมมิติด้านสุขภาพที่สำคัญทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
- การป้องกันโรค (Prevention)
- การวินิจฉัยโรค (Diagnosis)
- การรักษาโรค (Treatment)
ซึ่งในการออกหน่วยตรวจสุขภาพในครั้งนี้ เราเข้าใจถึงข้อจำกัดทางด้านการลงพื้นที่ในชุมชนห่างไกล โดยฟูจิฟิล์มได้นำนวัตกรรมการถ่ายภาพทางการแพทย์อย่าง FDR Xair มาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ในการตรวจสุขภาพดังกล่าว
พร้อมกับช่วยลดภาระของทีมแพทย์ได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังให้ปริมาณรังสีที่เพียงพอและปลอดภัยตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ เครื่องเอกซเรย์ยังมีเทคโนโลยี AI ที่สามารถส่งภาพถ่ายทางการแพทย์เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และระบุตำแหน่งความผิดปกติของปอดได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ฟูจิฟิล์มให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการแก้ไขปัญหาสังคมมาโดยตลอด โดยเฉพาะ “ปัญหาทางด้านสุขภาพ” ที่ไม่ใช่แค่เพียงสร้างผลกระทบต่อตัวบุคคล แต่ยังสร้างผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง
โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทิศทางในการดำเนินธุรกิจของฟูจิฟิล์ม ที่ต้องการ “ลดความเหลื่อมล้ำ” ด้านสุขภาพ และ “ลดข้อจำกัด” ด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน ด้วยนวัตกรรมที่ฟูจิฟิล์มมี
ยิ่งไปกว่านั้น ในปีนี้ ฟูจิฟิล์มยังคงสานต่อแคมเปญระดับโลก “NEVER STOP” เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่น ในการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้คนใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ ๆ คืนกลับสู่สังคม
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.