CRG เดินหน้าแผนธุรกิจ เสริมแกร่ง KFC รุกขยายสาขาในรูปแบบโมเดลใหม่ ปรับโฉมร้านให้ทันสมัย

CRG เดินหน้าแผนธุรกิจ เสริมแกร่ง KFC รุกขยายสาขาในรูปแบบโมเดลใหม่ ปรับโฉมร้านให้ทันสมัย

13 ธ.ค. 2022
ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์ KFC ภายใต้การบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) เปิดเผยว่า
สำหรับ CRG ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่เบาบางลง ประกอบกับผู้บริโภค กลับมาดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติ ส่งผลให้ยอดขายในช่วง Q1 - Q3 2565 เติบโตมากกว่า 25%
และสัดส่วนช่องทางการจำหน่ายที่หน้าร้าน เติบโตมากขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2564
จึงเร่งขยายสาขาด้วยร้านรูปแบบใหม่ ใน Format และขนาดที่ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี ธุรกิจดิลิเวอรี ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ เนื่องจากผู้บริโภคบางกลุ่มได้เกิดการคุ้นชินกับความสะดวกสบาย จากการใช้บริการดิลิเวอรีไปแล้ว
ในส่วนของภาพการแข่งขันของตลาดอาหาร QSR ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นหลายราย โดยเฉพาะอาหารประเภทไก่ทอด ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับคนไทย
และนอกเหนือจากผู้เล่นใหม่ ๆ ก็ยังมีผู้เล่นเดิมในตลาด QSR ที่ขยายธุรกิจตัวเองมาสู่ธุรกิจไก่ทอดมาขึ้นเรื่อย ๆ โดยทั้งสองปัจจัยส่งผลโดยตรงต่อการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย
ซึ่ง KFC เป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโปรดักส์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในหลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะกินคนเดียว หรือกินเป็นกลุ่ม
อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย จึงทำให้แบรนด์มีลูกค้าที่เป็นแฟนของแบรนด์เป็นจำนวนมาก
และด้วยเป้าหมายที่จะรักษาการเป็นแบรนด์ QSR อันดับหนึ่งในใจของลูกค้าคนไทย ในปี 2566 จึงเดินหน้าธุรกิจด้วยแผนงานต่าง ๆ ที่วางไว้
1) ทุ่มงบ 400 ล้านบาท รุกขยายสาขาในรูปแบบโมเดลใหม่ ที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
พร้อมปรับโฉมร้านให้ทันสมัย โดนใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่
แบรนด์มีโมเดลร้านใหม่ ๆ ที่พร้อมนำมาทดลองเปิด ทั้งในปีนี้ และปีหน้า
โดยร้านในรูปแบบใหม่นี้ จะเข้ามาเพื่อมาตอบสนองความสะดวกสบายของลูกค้า และการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น (Easy and Convenience)
เช่น โมเดล พาร์ค แอนด์ โก (Park and Go) อีกทั้งยังมองหาพื้นที่ใหม่ ๆ ที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจดิลิเวอรี และออมนิชาแนล
และจะตอบโจทย์การขยายเวลาการให้บริการ (Operating Hour) เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ทานดึก ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยเพิ่มการเติบโตของธุรกิจ KFC ได้
พร้อมเดินหน้าปรับโฉมร้านใหม่ ทั้งรูปแบบ ดีไซน์ และคอนเซ็ปต์ให้ทันสมัย
รวมถึงการนำเอา KFC Application เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน
เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้มากที่สุด ด้วยการร่วมมือกับ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ในด้านความคิดริเริ่มใหม่ ๆ
โดยเป้าหมายในการขยายสาขาในปีนี้ (2565) มีแผนขยายสาขาเพิ่มจำนวนกว่า 20 สาขา
และคาดว่าภายในสิ้นปี จะมีจำนวนสาขารวมมากกว่า 320 สาขา
ส่วนแผนของปี 2566 ตั้งเป้าเปิดจำนวนกว่า 30 สาขา หรือประมาณ 10% ของจำนวนสาขาเดิม
2) สร้างความวาไรตี้ พัฒนาเมนู KFC Cafe’ by Arigato
“KFC Cafe’ by Arigato” เป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการที่ร้านในช่วงเวลาเช้า และบ่ายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เครื่องดื่ม “KFC Cafe’ by Arigato” สามารถจำหน่ายได้มากถึง 2 ล้านแก้วในปี 2565
โดยในปี 2566 แบรนด์มีแผนงานเน้นกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายด้วยการพัฒนาเมนูใหม่ ๆ เพื่อสร้างความวาไรตี้ เพิ่มความหลากหลายของตัวเลือก ที่จะมาตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของความแปลกใหม่ ความสะดวกในการรับประทาน และราคาของสินค้าที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
ซึ่งมั่นใจว่า จะสามารถดึงกลุ่มคนที่ชอบเมนูเครื่องดื่มชงสด และของหวานเข้ามาที่ KFC ได้มากขึ้น และสามารถเพิ่มความถี่ในการซื้อของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขา “KFC Cafe’ by Arigato” จำนวนกว่า 260 สาขา
3) ส่งมอบประสบการณ์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม นำร่องเปิด Green Store Concept สาขาราชพฤกษ์
เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจกับแนวคิดประสบการณ์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม เปิดร้าน KFC Green Store ภายใต้แนวคิด “Journey to zero” สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าที่ ร้าน KFC สาขาโรบินสัน ราชพฤกษ์
โดยการออกแบบร้านในคอนเซ็ปต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยมุ่งเน้นไปในด้านการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยตัวอาคารออกแบบในสไตล์นอร์ดิก ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
ประกอบกับโครงสร้างร้าน และวัสดุในกระบวนการก่อสร้าง ที่ส่งเสริมแนวคิดเพื่อความยั่งยืน ด้วยกระจกประหยัดพลังงานในระดับสูงสุด ที่ป้องกันความร้อนผ่านกระจก ในขณะที่ให้แสงส่องผ่านได้มาก, การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในด้านการประหยัดพลังงาน, การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล
รวมถึงชุดพนักงาน ที่ตัดเย็บด้วยผ้าจากเส้นใยขวดพลาสติก ตลอดจนการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติเพื่อความยั่งยืนอีกหลายประการ เช่น การใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ และการลดจำนวนการใช้หลอดไฟติดเพดาน ซึ่งสามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ 7% (เมื่อเทียบกับสาขาที่มีลักษณะเดียวกัน)
และทำให้ร้านค้าแห่งนี้ สามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 17,947 กิโลวัตต์ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10,081 กิโลกรัมต่อปี อีกด้วย
ในส่วนของแผนงาน KFC Green Store สาขานี้ เป็นสาขานำร่อง จึงเป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ไปด้วยกันระหว่างแบรนด์ กับลูกค้า ซึ่งแบรนด์มีความพร้อมในการต่อยอดเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในสาขาอื่น ๆ ต่อไป
โดยเป้าหมาย คือ การเป็นร้านต้นแบบในการสร้างแรงบันดาลใจ ที่จะลดการสร้างของเสียต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบรรจุภัณฑ์, การลดการปล่อยคาร์บอน รวมไปถึงขยะจากเศษอาหาร
เพื่อหวังที่จะจุดประกายให้ทั้งลูกค้า และภาคธุรกิจ ได้หันมาให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นต่อไปในอนาคต
Tag:KFCCRG
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.