รู้จัก “Shure” แบรนด์ไมโครโฟน ชุดละ 300,000 บาท ที่ เอลวิส เพรสลีย์ และ โตโน่ ภาคิน เลือกใช้

รู้จัก “Shure” แบรนด์ไมโครโฟน ชุดละ 300,000 บาท ที่ เอลวิส เพรสลีย์ และ โตโน่ ภาคิน เลือกใช้

28 ธ.ค. 2022
หลังจากที่ “คุณโตโน่ ภาคิน” นักร้องชื่อดัง ได้สร้างตำนานบทใหม่ ด้วยการกระโดดลงสระว่ายน้ำ ขณะเล่นคอนเสิร์ต จนไมโครโฟนพัง และกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา
ล่าสุด เจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์ว่า ได้ซื้อชุดไมโครโฟนใหม่มาแล้ว ในราคา 300,000 บาท
ซึ่งก็มีแฟนคลับเข้ามาร่วมคอมเมนต์แสดงความยินดีกับคุณโตโน่กันยกใหญ่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายคนได้เห็นราคาของไมโครโฟนชุดนี้ คงจะอดสงสัยไม่ได้ว่า
ทำไม.. ไมโครโฟนที่ดูเหมือนจะธรรมดา ถึงแพงได้ขนาดนี้ ?
แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากราคา จะไม่ธรรมดาแล้ว
เรื่องราวของไมโครโฟนแบรนด์นี้ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน..
โดยในบทความนี้ MarketThink จะขออาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “Shure”
ผู้คิดค้นไมโครโฟนไร้สาย ได้สำเร็จเป็นรายแรก.. แถมยังเป็นแบรนด์โปรดของ “คุณเอลวิส เพรสลีย์” อีกด้วย
ย้อนกลับไปในปี 1925 ที่เป็นดั่ง “ยุคทอง” ของกิจการวิทยุ
คุณ Sidney N. Shure ได้เริ่มกิจการจำหน่ายชุดอุปกรณ์สำหรับเครื่องวิทยุ AM
โดยนำชื่อของตัวเองมาตั้งเป็นชื่อบริษัท “The Shure Radio Company” ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับดีมาก จนต้องเปิดรับพนักงานเพิ่มเพื่อขยายกิจการ
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขก็แสนสั้น.. เพราะในปี 1929
Shure ต้องมาเจอกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐอเมริกา ประกอบกับมีคู่แข่งผุดขึ้นมาทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์วิทยุ คอยแย่งส่วนแบ่งการตลาดกันเต็มไปหมด
ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปลดพนักงาน และหันไปหา New S-Curve ใหม่ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อีกครั้ง
นั่นก็คือ “ตลาดไมโครโฟน”
โดยในช่วงแรก Shure เริ่มจากการไปรับสิทธิ์จำหน่ายไมโครโฟน ให้กับโรงงานผลิตไมโครโฟนชื่อ “Ellis Electrical Laboratories”
ก่อนจะเห็นว่าไมโครโฟนส่วนใหญ่ในตลาด มีแต่ราคาสูง ๆ แถมยังมีน้ำหนักมาก
Shure จึงได้คิดการใหญ่ พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองบ้าง โดยการนำ “คาร์บอน” ที่มีน้ำหนักเบา เข้ามาเป็นส่วนประกอบของไมโครโฟน ทำให้สินค้าของ Shure มีน้ำหนักเบา และสามารถขายในราคาต่ำกว่าคู่แข่งได้
กลยุทธ์แบบนี้ ทำให้ Shure สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ผลิตเดิม
จนขึ้นเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมไมโครโฟนในสหรัฐอเมริกาได้อย่างรวดเร็ว
และในปี 1939 Shure ก็ได้ประสบความสำเร็จขึ้นไปอีก จากการเปิดตัว “55 Unidyne” ไมโครโฟนทรงเหลี่ยมสีเงิน ที่ใครหลายคนคุ้นตา
ซึ่งความสามารถในการตัดเสียงรบกวนรอบข้างของมัน
ก็ทำให้เหล่าผู้มีอิทธิพล รวมไปถึงนักร้อง ต่างหยิบไมค์รุ่นนี้ไปใช้ออกสื่อกันบ่อยครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น คุณ John F. Kennedy (ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา), คุณ Ella Fitzgerald (นักร้อง) และคุณ Frank Sinatra (นักร้อง) ก็ต่างมีประวัติว่า เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Shure ทั้งนั้น
Shure เริ่มกลายเป็นแบรนด์ที่มีภาพจำว่า เป็นสินค้าที่มีแต่ระดับมืออาชีพเลือกใช้ มาตั้งแต่ตอนนั้น..
โดยในภายหลัง 55 Unidyne ถูกพัฒนาให้มีความกะทัดรัดมากขึ้น
ออกมาเป็นรุ่น “Unidyne 55S” ไมค์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไมโครโฟนเอลวิส”
เพราะเป็นไมค์ที่ คุณเอลวิส เพรสลีย์ ตำนานเพลงร็อกแอนด์โรล หยิบมาใช้บ่อยที่สุดนั่นเอง..
โดยหลังจากนั้น Shure ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับเสียง โดยไม่จำกัดแค่ไมโครโฟนอีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็น หัวเข็มอ่านแผ่นเสียง, ชุดหูฟัง, มิกเซอร์แบบพกพา และอีกมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน
เรื่องนี้น่าสนใจว่า กลยุทธ์ของ Shure นอกจากจะเน้นไปที่คุณภาพแล้ว
ก็ยังมีการนำภาพของเหล่าบุคคลสำคัญ ที่เคยใช้สินค้าของแบรนด์ มาโปรโมตเพื่อสร้าง “คุณค่า” ให้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง
จนมีคำเปรียบเปรยว่า ถ้าไมค์ของ Shure เป็นบุคคล
คนคนนั้นคงเป็น คนที่ได้ถ่ายรูปคู่กับคนดังมากที่สุดในโลก..
สุดท้าย ด้วยเรื่องราวที่สวยงาม และคุณภาพที่สมราคา
จึงไม่แปลกเลย ที่หลายคนจะยอมควักเงินหลักแสน
เพื่อซื้อชุดอุปกรณ์ของ Shure มาไว้ใช้งานสักครั้ง
ปัจจุบัน Shure ก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่คนทำงานด้านเสียง
ให้การยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ไม่ต่างจากในอดีต
สำหรับประเทศไทยของเรา นอกจากคุณโตโน่แล้ว
วงดนตรีชื่อดังอย่าง Three Man Down และ Tattoo Colour ก็เคยบอกว่า ใช้อุปกรณ์ของ Shure ด้วยเช่นกัน
และในปี 2021 ที่ผ่านมา Shure Incorporated มีรายได้ประมาณการอยู่ที่ 15,200 ล้านบาท
และครองส่วนแบ่งในตลาดอุปกรณ์เกี่ยวกับเสียงและวิดีโออยู่ที่ 7.8%
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.