cmg ตอกย้ำการเป็น ผู้นำแฟชั่นรีเทล เตรียมทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจ ตั้งเป้าปีนี้ ยอดขายโต 20%

cmg ตอกย้ำการเป็น ผู้นำแฟชั่นรีเทล เตรียมทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจ ตั้งเป้าปีนี้ ยอดขายโต 20%

24 ก.พ. 2023
ล่าสุด เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้จัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ เช่น Dyson, Garmin, Calvin Klein Jeans, Polo Ralph Lauren และ Skechers
ประกาศเตรียมทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีก และหนุนรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 20%
พร้อมเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่แพลตฟอร์ม Omnichannel อย่างเต็มรูปแบบ
ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลาย
และเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค
ทั้งหมดนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็น ผู้นำเบอร์ 1 ในธุรกิจแฟชั่นรีเทลของประเทศไทย
คุณ เอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า
"cmg ได้เติบโตคู่กับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในการจัดหาแบรนด์สินค้าชั้นนำต่าง ๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค
โดยยอดขายในปี 2565 เติบโตพุ่งสูงขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปี 2564"
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ cmg มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจและขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตต่อเนื่อง
รับอานิสงส์การขยายตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีกลยุทธ์สำหรับปี 2566 ดังนี้
1. การสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือผ่านนวัตกรรมล้ำสมัย
cmg จะนำเสนอนวัตกรรมที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับแบรนด์ต่าง ๆ ในพอร์ตให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย
พร้อมทั้งสอดแทรกเรื่องความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไปในแบรนด์ต่างๆ เช่น
- การใช้พลาสติกรีไซเคิลผลิตเนื้อผ้าของแบรนด์ Lee และ Wrangler
- การใช้เส้นใยไผ่ในการผลิตสินค้า G2000 และ Jockey
- การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลของสินค้า Body Shop
นอกจากนี้ cmg ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า ผ่านการนำเสนอสินค้าที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค อย่างเครื่องฟอกอากาศ Dyson ที่ช่วยทำให้คุณภาพอากาศในบ้านดียิ่งขึ้น
2. ยกระดับแพลตฟอร์ม Omnichannel
เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์
cmg จึงได้เปิดตัว Official Website ของแบรนด์ Lee และ Wrangler เมื่อปีที่ผ่านมา
ทำให้จำนวน Official Website ของแบรนด์ใน cmg เพิ่มขึ้นเป็น 8 เว็บไซต์
นอกจากนี้ในปี 2565 cmg ยังได้เปิดหน้าร้านใหม่อีก 45 สาขา และเคาน์เตอร์อีก 138 จุดขายในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศไทย
พร้อมวางแผนที่จะขยายร้านค้าอีกมากกว่า 150 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 1,800 สาขาอีกด้วย
3. การเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
cmg ได้ดึงแบรนด์ชั้นนำยอดนิยมระดับโลกเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น นำโดยแบรนด์ Armani Exchange และ Emporio Armani แบรนด์แฟชั่นระดับพรีเมียมของอิตาลี และ Hermès Beauty and Perfume แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส
ล่าสุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา cmg ยังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Skechers แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำสัญชาติอเมริกา โดยวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา และศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลพัฒนา
4. การเพิ่มช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลาย
cmg ได้เปิดตัวบริการ “ATOME ช้อปก่อน จ่ายที่หลัง” ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจแรกในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่ริเริ่มบริการนี้
โดยปัจจุบันสามารถใช้จ่าย ATOME ได้แล้วถึง 22 แบรนด์ ณ ร้านค้ากว่า 300 สาขา
นอกจากนี้ cmg ยังได้เปิดตัวบริการที่ร่วมกับ Dolfin แอปพลิเคชั่น e-wallet ยอดนิยมของคนไทย ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าในทุกช่องทางได้อย่างง่ายดายด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว
5. การพัฒนาพนักงาน
cmg มุ่งลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดศักยภาพของพนักงานให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคงไปกับองค์กร
เมื่อไม่นานมานี้ cmg ยังได้รับรางวัล Kincentric Best Employers Awards ติดกันถึง 4 ปีซ้อน
คุณเอ็ดวิน ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “เรื่องนี้ก็สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ในฐานะ Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกของประเทศไทย
ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน"
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.