เอปสัน ประกาศภาพรวมปี 65 เติบโตกว่า 10% พร้อมเปิดกลยุทธ์ “NEW 5” ต่อยอดการเติบโต และรุกธุรกิจ B2B ปีนี้

เอปสัน ประกาศภาพรวมปี 65 เติบโตกว่า 10% พร้อมเปิดกลยุทธ์ “NEW 5” ต่อยอดการเติบโต และรุกธุรกิจ B2B ปีนี้

9 มี.ค. 2023
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า
บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้รวมจากการขายผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มในปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ภาคธุรกิจเอกชนและหน่วยงานราชการ ได้มีการลงทุนกับอุปกรณ์ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงสถาบันการศึกษาจำนวนมาก เริ่มนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ และการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดคลี่คลายลง ทำให้มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการกลับมาให้บริการอีกครั้งของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างประเทศ ที่เดินทางเข้าประเทศได้เป็นปกติ
สำหรับธุรกิจของเอปสัน ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ได้แก่
1) กลุ่มสินค้าเครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม ที่มีการเติบโตสูงที่สุดถึง 170%
ซึ่งเอปสัน ได้มีการทำกิจกรรมการตลาด เพื่อแนะนำสินค้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความมั่นใจของผู้บริโภคในแบรนด์เอปสัน ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด
ถัดมาคือ 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมโปรเจคเตอร์ ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 64%
โดยเป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าติดตั้งโฮมเธียเตอร์ระดับไฮเอนด์ภายในบ้าน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกระแสความสนใจชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ในการดูภาพยนตร์แบบส่วนตัวภายในบ้านมากขึ้น
และ 3) กลุ่มเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัล ที่เติบโต 52% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจโดยรวม
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีการเติบโตได้ดี ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูง ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 43% กลุ่มเครื่องพิมพ์มินิแล็บที่เติบโต 29%
ขณะที่เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาดใหญ่ ที่ทางเอปสันได้นำเข้าไปทำตลาดแข่งขันกับกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสาร ก็มีการเติบโตที่ดี โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 23%
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาด จากเครื่องถ่ายเอกสารตามสำนักงานที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์อยู่เดิม
ด้านเป้าหมาย และกลยุทธ์ธุรกิจของปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตให้ได้มากกว่า 10% เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
โดยได้วางกลยุทธ์ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง ที่จะเน้นสร้างความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “New 5”
ซึ่งประกอบด้วย New S-curve, New Target, New Business Model, New Service และ New Experience
โดยยึดหลักความยั่งยืน (Sustainability) เป็นสารสำคัญ ที่จะถ่ายทอดผ่านกลยุทธ์ทุกทาง
-New S-curve
มีเทคโนโลยี Heat-Free เป็นแกนหลัก ที่จะสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคตให้กับเอปสัน ร่วมด้วยเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อสร้างความความยั่งยืนให้กับผู้ใช้งาน
ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาธุรกิจและการลงทุน สู่ความยั่งยืนของไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น
โดยที่เห็นได้ชัดเจนคือ การที่เอปสัน ประกาศยุติการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ พร้อมเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันอิงเจ็ทในกลุ่ม WorkForce Enterprise รุ่น AM-Series ที่ใช้หัวพิมพ์ PrecisionCore Heat-Free Technology ที่กินไฟน้อย
และถูกออกแบบให้มีชิ้นส่วนประกอบที่ต้องดูแลรักษาน้อย ทำให้บำรุงรักษาง่าย เพื่อมาแข่งขันในตลาดเดียวกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และเครื่องถ่ายเอกสาร
-New Target
เอปสันจะใช้ความได้เปรียบในด้านผลิตภัณฑ์ ที่มีจำนวนรุ่นที่หลากหลายที่สุดในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทความเร็วสูง ที่ได้เข้าไปทำตลาดในกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสาร ได้เปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่อย่าง WorkForce Enterprise AM-Series เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ที่จะมาช่วยเติมเต็มไลน์สินค้า และสร้างโอกาสในการเพิ่มการขาย สอดคล้องกับข้อมูลตลาดจาก IDC ที่เปิดเผยว่าประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม รวมถึงเลเซอร์โปรเจคเตอร์ ทำให้สามารถครอบคลุมความต้องการใช้งานได้หลากหลาย สร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมใหม่ หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่
-New Business Model
เอปสัน ได้เริ่มทำธุรกิจเชิงการบริการ อย่างเช่น การนำเสนอรูปแบบบริการการพิมพ์แบบจ่ายรายเดือน อย่าง EasyCare ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนการพิมพ์ของตัวเองได้ ไม่ต้องสต็อกหมึก
เพราะบริษัทฯ จะส่งหมึกให้โดยคำนวณค่าใช้จ่ายจากจำนวนพิมพ์รายแผ่น ทั้งยังมีบริการ On-site service ส่งช่างซ่อมไปถึงออฟฟิศ
และในครึ่งปีหลังของปี 2566 ยังมีแผนที่จะเปิดการให้บริการการพิมพ์ ภายใต้คอนเซ็ป Epson iPrint AnyWhere เพื่อสนับสนุนพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีรูปแบบการทำงานเป็นแบบ Hybrid มากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการในการพิมพ์งานเอกสารตามสถานที่ต่าง ๆ
โดยบริการนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้และองค์กร ในการพิมพ์เอกสารได้จากหลายสถานที่ ผ่านเครื่องพิมพ์เอปสัน ในสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือข่าย
-New Experience
เอปสัน ประเทศไทย ได้มีการลงทุนในการสร้างโซลูชันเซ็นเตอร์แห่งใหม่ ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3 ของปี 2566 นี้ โดยจะรวบรวมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่มาจัดแสดง
พร้อมกับทำการสาธิตและจัดอบรมให้กับตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าที่สนใจ ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานเครื่องจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
นอกจากนี้ โซลูชันเซ็นเตอร์แห่งใหม่นี้ ยังถูกออกแบบด้วยแนวคิดด้านความยั่งยืน เพื่อเป็นแบบแผนหรือต้นแบบให้องค์กรธุรกิจทั่วไปในการนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตน
-New Service
ในด้านการบริการ ได้ทำการเสริมศักยภาพการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย
โดยก่อนการขาย เอปสัน ได้เพิ่มทีมงาน Pre-sales เพื่อให้สนับสนุนการทำโซลูชันต่าง ๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนข้อมูลผ่านทาง Digital Platform ต่าง ๆ
และในปีใหม่นี้ มีแผนขยายเครือข่ายการให้บริการหลังการขายของสินค้ากลุ่ม B2B จาก 122 แห่ง เป็น 130 แห่ง รองรับการขยายตัวของตลาด และลดระยะเวลาในการส่งเครื่องซ่อม
อีกทั้งสำหรับปี 2566 นี้ เช่นเดียวกับเอปสันในทุกตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอปสัน ประเทศไทย จะยกระดับความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะผลักดันเข้าไปสู่กลไกทางธุรกิจและกิจกรรมทางการตลาดมากยิ่งขึ้น
เพื่อเป็นการขานรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ของไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น หรือที่เรียกว่า “Environmental Vision 2050”
นายยรรยง กล่าวว่า “เอปสันให้ความสำคัญกับคุณค่าความยั่งยืน โดยบริษัทฯ เป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่น ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ที่โรงงานผลิตภายในประเทศได้อย่างสมบูรณ์
และได้เดินหน้าเปลี่ยนในทุกโรงงานทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเปลี่ยนได้ทั้งหมดภายในปี 2566 นี้ ซึ่งได้ประมาณการว่า จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ต่อปีได้ถึงราว 350,000 ตัน
ปัจจุบัน โรงงานผลิตที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ก็ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.