KBank ย้ำผู้นำธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 ของไทย เผย K PLUS มียอดผู้ใช้เพิ่ม 2 ล้าน และยอดธุรกรรมแตะ 10 ล้านล้าน

KBank ย้ำผู้นำธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 ของไทย เผย K PLUS มียอดผู้ใช้เพิ่ม 2 ล้าน และยอดธุรกรรมแตะ 10 ล้านล้าน

21 มี.ค. 2023
เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ได้ประกาศเดินหน้าโครงการเชิงกลยุทธ์ “ชาเลนเจอร์แบงก์” เพื่อขยายการเข้าถึงเงินกู้ และบริการต่าง ๆ ของธนาคาร ให้กับคนไทยที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร หรือเข้าถึงได้ยาก
เช่น ผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อม หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือไม่มีรายได้ประจำ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ล้านคน
ด้วยการกำจัดกระบวนการที่ขาดความคล่องตัว และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ให้เข้าถึงบริการทางการเงินที่ง่าย รวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น
ภายใต้โครงการนี้ ธนาคารกสิกรไทย ได้จัดสรรงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยี ในช่วงปี 2565-2567
ซึ่งเพียง 6 เดือนหลังการประกาศโครงการเชิงกลยุทธ์ “ชาเลนเจอร์แบงก์”
ยอดการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคารกสิกรไทย ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด และช่วยเปิดโอกาสให้คนไทยจำนวนมาก เข้าถึงผลิตภัณฑ์ของธนาคารได้
สะท้อนจาก ยอดผู้สมัครใช้งานแอป K PLUS ที่เพิ่มขึ้น เป็นจำนวนมากกว่า 2 ล้านคน ในปี 2565
ที่สำคัญคือ ในจำนวนนี้ มีมากกว่า 1 ล้านคน เป็นผู้ที่เพิ่งใช้บริการธนาคารกสิกรไทยเป็นครั้งแรก
อีกทั้งยังมีตัวเลขการเติบโตในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- การทำธุรกรรมผ่าน K PLUS โตก้าวกระโดด 53%
- ธุรกรรมของธนาคารกสิกรไทย เป็นธุรกรรมที่ทำผ่านระบบออนไลน์ถึง 98%
- ยอดเงินการทำธุรกรรมผ่าน K PLUS แตะ 10 ล้านล้านบาท
ผลจากการเติบโตของธุรกรรมออนไลน์ดังกล่าว ทำให้ธนาคารกสิกรไทยสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นครั้งแรกที่ยอดเงินโอนผ่านแอป K PLUS มากกว่ายอดเงินโอนผ่านช่องทางอื่น ๆ ทั้งหมดของธนาคารรวมกัน ทั้งการทำธุรกรรมที่สาขาธนาคาร, เครื่องทำรายการอิเล็กทรอนิกส์ และตัวแทนธนาคาร
ซึ่งความนิยมในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ธนาคารกสิกรไทย ก้าวสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มภาคภูมิ และช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 ของไทย
และที่น่าสนใจคือ นอกจากตัวธนาคารกสิกรไทยเองแล้ว ในส่วนของธุรกิจ “LINE BK”
ที่ธนาคารกสิกรไทย ไปจับมือกับ LINE เพื่อให้บริการธนาคารผ่านทางโซเชียลมีเดีย ก็มีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
โดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่ เพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่า 1.4 ล้านคน
และ ณ สิ้นปี 2565 มียอดสินเชื่อปล่อยกู้ผ่าน LINE BK กว่า 18,000 ล้านบาท
ซึ่งจำนวนมากเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำ หรือไม่มีเงินเดือนประจำ เช่น คนทำงานอิสระ และผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยอื่น ๆ
LINE BK จึงมีบทบาทสำคัญในการทำให้เป้าหมายของธนาคารกสิกรไทย ในการผสานความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์ เข้ามาในองค์กร
เนื่องจาก LINE BK ช่วยให้คนไทย ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร หรือเข้าถึงได้ยาก สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้ แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร ก็สามารถสมัครขอสินเชื่อผ่าน LINE BK ได้ โดยทราบผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ภายใน 24 ชั่วโมง
เพื่อทำให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และไม่ต้องหันไปหาเงินกู้นอกระบบ
อีกทั้งยังเป็นก้าวแรก ที่ช่วยคนกลุ่มนี้ ให้เข้าสู่ระบบธนาคาร ทำให้มีประวัติเครดิตด้วย
“ความนิยมที่เพิ่มขึ้น ทำให้เรามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ที่จะต้องก้าวล้ำไปข้างหน้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยระบบที่มีเสถียรภาพสูง
นอกจากนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการใช้บริการ K PLUS โดยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการป้องกันและตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ควบคู่ไปกับการใช้งานที่สะดวกและเหมาะสมกับลูกค้าทุกกลุ่มของธนาคาร
นั่นเพราะวิสัยทัศน์ของเรา มองไปไกลเกินกว่าขอบเขตประเทศไทย โดยเป้าหมายของเราอยู่ที่การเป็น ผู้นำการให้บริการธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดระดับภูมิภาค”
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าว
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.