HARU Cold Brew Green Tea ชาเขียวสกัดเย็น ที่ใช้เวลาสกัด 2 เท่า สร้างความแตกต่าง ให้เอกลักษณ์ชาเขียวเต็มรสชาติ

HARU Cold Brew Green Tea ชาเขียวสกัดเย็น ที่ใช้เวลาสกัด 2 เท่า สร้างความแตกต่าง ให้เอกลักษณ์ชาเขียวเต็มรสชาติ

7 เม.ย. 2023
นับว่าเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย สำหรับตลาดชาเขียวในประเทศไทย
เมื่อ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บุญรอดฯ และ OR จับมือกันพัฒนาและเปิดตัว “ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที (HARU Cold Brew Green Tea)”
ชาเขียวบรรจุขวด ที่จะเข้ามาเขย่าตลาดชาพร้อมดื่ม มูลค่ากว่า 13,299 ล้านบาท ให้กลับมาคึกคัก
ด้วยกลยุทธ์หลัก ๆ คือ การเป็นชาเขียวพร้อมดื่ม ที่มี “รสชาติระดับพรีเมียม” และ “ความแตกต่าง” จากแบรนด์อื่น ๆอ
แล้วกลยุทธ์เรื่องความพรีเมียมและความแตกต่าง ของ ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที น่าสนใจอย่างไร ?
ถ้าพูดถึง บุญรอดฯ หลายคนคงรู้จักกันดี ในฐานะเจ้าของแบรนด์ดัง
เช่น น้ำดื่มสิงห์, น้ำแร่เพอร์ร่า, โซดาสิงห์ และสิงห์ เลมอน โซดา ฯลฯ
เรียกได้ว่า บุญรอดฯ บริษัทที่มีอายุเกือบ 90 ปี มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดเครื่องดื่มมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ บุญรอดฯ ก็ยังมี สิงห์ปาร์ค เชียงราย และมารุเซ็น ซึ่งเป็นบริษัทฯร่วมทุนกับผู้ผลิตชาชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น แบรนด์ในเครือที่ยืนหนึ่งในฐานะผู้ผลิตชาครบวงจรชั้นนำของเมืองไทย
ประกอบกับ ปัจจุบันคนไทยคุ้นเคยกับชาเขียวญี่ปุ่นมากขึ้น และเทรนด์สุขภาพก็กำลังมาแรง
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลให้ บุญรอดฯ เลือกรุกสู่ตลาดชาเขียวอีกครั้งในรอบ 15 ปี
โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที หรือ HARU Cold Brew Green Tea”
คุณธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ได้เล่าถึงที่มาของชื่อแบรนด์ว่า ฮารุ เป็นคำสั้น ๆ เพียง 2 พยางค์ ที่ผู้บริโภคน่าจะจดจำได้ง่าย
อีกทั้ง ฮารุ เป็นภาษาญี่ปุ่น ที่มีความหมายดี หมายถึง “ฤดูใบไม้ผลิ” ฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวใบชาในญี่ปุ่น และเป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน ที่คนญี่ปุ่นมักจะเลือกดื่มชาเพื่อเฉลิมฉลองด้วย
ทางบุญรอดฯ จึงเลือกใช้คำว่า ฮารุ เป็นชื่อแบรนด์ เพื่อเป็นการส่งต่อวัฒนธรรม ให้คนไทยได้มีโอกาสดื่ม “ชาดี ๆ” ในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเช่นกัน
และด้วยความที่ต้องการเป็นชาดี ๆ สำหรับผู้บริโภคนี้เอง
บุญรอดฯ จึงเลือกวางตำแหน่งทางการตลาด (Positioning) ของแบรนด์ให้มีความพรีเมียม และความแตกต่าง จากแบรนด์อื่น ๆ
ซึ่งความพรีเมียมและความแตกต่างที่ว่านี้ ก็สอดแทรกอยู่ในทุกกระบวนการผลิต
นับตั้งแต่การเลือกใช้ใบชา ที่ต้องเป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่น คุณภาพพรีเมียม
และเลือกใช้เฉพาะยอดอ่อน 3 ใบบนสุดเท่านั้น เพื่อให้ได้ใบชาที่ดีที่สุด
ต่อมาก็นำมาสกัดด้วยกรรมวิธีจากคนญี่ปุ่นแท้ ๆ
นั่นก็คือ การสกัดเย็น (Cold Brew) ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องอุณหภูมิ และใช้เวลาในการสกัดนานกว่าชาทั่วไปถึง 2 เท่า ทำให้ได้เอกลักษณ์ของชาเขียวอย่างเต็มรสชาติ
อีกทั้ง ยังสื่อสารความพรีเมียมและความแตกต่าง ผ่านแพ็กเกจจิง ที่ใส่ความเป็น “Golden Japanese” ชูความโมเดิร์นของญี่ปุ่น ที่ทั้งมินิมัล แต่ก็พิถีพิถันไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งหมดนี้ จึงออกมาเป็น “ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที”
ชาเขียวสุดพรีเมียม บรรจุขวด ขนาด 440 มิลลิลิตร ที่มีด้วยกัน 2 สูตร คือ สูตรปราศจากน้ำตาล (Natural) และสูตรหวานน้อย (Mild Sweet)
และถึงแม้ว่า ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที จะเป็นแบรนด์ชาเขียวพรีเมียม
แต่ก็มาพร้อมกับราคาที่ “เข้าถึงได้” ในราคาขวดละ 30 บาท
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากลิ้มรสแล้วว่า ความอร่อยในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่มีทั้งความพรีเมียมและความแตกต่างของ ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที จะเป็นอย่างไร
ง่าย ๆ ก็เพียงแค่ออกไปตามล่าหาซื้อกันได้เลย ที่ 7-Eleven ทุกสาขา
ขอกระซิบว่า บุญรอดฯ และ OR ไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่แค่ ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที เท่านั้น
แต่ยังมีกาแฟพร้อมดื่มบรรจุขวดของ Café Amazon ด้วย ไม่ว่าจะเป็น อเมซอนแบล็ค, อเมซอนเอสเปรสโซ่ และอเมซอนลาเต้
ซึ่งยังคงคอนเซปต์ “พรีเมียม” ด้วยการสกัดกาแฟเพียง 27 วินาที เพื่อคงรสชาติ กลิ่น และความรู้สึกในการดื่ม ให้ใกล้เคียงกับกาแฟสดที่ร้าน Café Amazon แต่มาพร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้เพียง 29-35 บาท
ทางบุญรอดฯ เชื่อว่า ฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที และกาแฟพร้อมดื่ม Café Amazon น่าจะเป็น 2 เครื่องดื่มใหม่ในตลาด ที่ถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.