คุ้มหรือไม่ กับการลงทุนสร้าง 2 อาคารใหม่ มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ของโรงเรียนนานาชาติ DBS

คุ้มหรือไม่ กับการลงทุนสร้าง 2 อาคารใหม่ มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ของโรงเรียนนานาชาติ DBS

24 เม.ย. 2023
“ตอนเห็นราคา 600 ล้านบาท ยอมรับว่าผมช็อกไปเลย แต่เราเชื่อว่าเพื่อการสอนที่มีคุณภาพ โรงเรียนต้องมีความพร้อมทั้งอาคาร อุปกรณ์การเรียน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มาตอบโจทย์ทั้งครูและนักเรียน”
“ทำให้ก่อนตัดสินใจลงทุน เรามีการถามความคิดเห็นของครูและนักเรียนว่า พวกเขาต้องการอะไรใน 2 อาคารใหม่นี้ ดังนั้นงบ 600 ล้านบาท จึงเป็นการลงทุนที่คิดมา เพื่อตอบโจทย์จริง ๆ”
ผศ. ดร.ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS ยังเสริมต่อว่า
การลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
เพราะเมื่อทั้ง 2 อาคารสร้างเสร็จ นักเรียนจะสามารถนำทุกพื้นที่ของอาคารใหม่ไปใช้สร้างความสุขและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้แก่ตัวเอง
ปัจจุบัน DBS เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรจากประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เด็กอายุ 2-18 ปี หรือเทียบเท่าชั้นเตรียมอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีนักเรียนราว ๆ 700 คน
โดย 2 อาคารเรียนใหม่นี้ มีพื้นที่รวมกัน 22,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างใหม่ทั้งหมด ที่ไม่ได้จำกัดแค่โลกการเรียนรู้ทางวิชาการ แต่ยังรวมถึงการให้นักเรียนค้นหาตัวเองให้เจอ
จนถึงการเพิ่มทักษะในการใช้ชีวิตในสังคมและทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 นี้อีกด้วย
ในส่วนของ 2 อาคารนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ การเรียนการสอนด้านวิชาการ และอีกส่วนคือการเสริมทักษะที่สำคัญต่าง ๆ
เรามาดูส่วนแรกกันก่อน คือ “การเรียนการสอนด้านวิชาการ”
ที่มีการเพิ่มจำนวนห้องเรียนสำหรับนักเรียน Year 9-13 หรือระดับมัธยมศึกษา
โดยจะออกแบบพื้นที่บางส่วน ให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ต่อมาคือ ห้อง Lab วิทยาศาสตร์ใหม่อีก 3 ห้อง และยังมีแผนเพิ่มจำนวนห้อง Lab อีกภายในปี 2566
เมื่อรวมกับห้อง Lab เดิมที่มีอยู่ DBS จะมีห้อง Lab วิทยาศาสตร์ถึง 8 ห้อง
เป็นการตอบโจทย์เทรนด์โลก ที่เวลานี้กำลังขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ นั่นเอง
ต่อมาคือ ห้องสมุดขนาดใหญ่ สำหรับนักเรียน Year 9-13
ที่นอกจากมีหนังสือมากมาย ยังแบ่งพื้นที่ขนาดใหญ่ สำหรับให้นักเรียนนั่งสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้
ต่อมาคือ ส่วนที่สอง ที่เป็นเสมือนพื้นที่พัฒนาทักษะและการค้นหาตัวเอง
ใครจะคิดว่าในโรงเรียนจะมีห้องครัวขนาดใหญ่ ให้นักเรียนฝึกทำอาหารอร่อย ๆ
ซึ่งผศ. ดร.ต่อยศ บอกถึงเหตุผลที่ต้องมีพื้นที่นี้ว่า เพราะเด็กนักเรียนที่จบจาก DBS ส่วนใหญ่จะไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ หากพวกเขาทำอาหารเป็น ก็จะสามารถดูแลตัวเองได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ต่อมาก็คือ โซน Design Technology Lab ที่เป็นเสมือนพื้นที่ “ปล่อยของ” ให้นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ
หรือจะเป็น Drama Department ที่ให้นักเรียนนำสารพัดทฤษฎีวิชาการต่าง ๆ ที่เรียนมาทดลองใช้ในการทำงานจริงว่า สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร และควรปรับแต่งหรือแก้ไข้ในส่วนใดบ้างเพื่อให้เข้ากับตัวเองหรือสิ่งที่ตั้งใจไว้ เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องแก้ไข
Music Department ห้องฝึกซ้อมดนตรีที่มีครูผู้สอนที่เชี่ยวชาญ และเครื่องดนตรีที่หลากหลาย
และ Art Department ห้องฝึกฝนศิลปะที่มีหลายแขนงให้นักเรียนได้เลือกรังสรรค์ผลงานในจินตนาการของตัวเองออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง
เช่น งานปั้น, แกะสลักงาน 2D และ 3D จนถึงวิชาศิลปะใหม่ ๆ ที่ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี
Fitness Centre ขนาดใหญ่ ที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกาย และเทรนเนอร์ที่เชี่ยวชาญ
เพื่อให้นักเรียนออกกำลังกายได้อย่างถูกวิธี จนถึงยังมีพื้นที่ความสนุกอื่น ๆ ทั้ง Golf Simulator และ Traverse Wall Climbing เป็นต้น
แต่ที่เป็นไฮไลต์ของการลงทุนครั้งนี้ คือสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า อารยะฮอลล์ (Araya Hall)
ความจุ 600 ที่นั่งโดยในฮอลล์มีการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำ ๆ ที่ทำให้สามารถจัดงานอีเว้นท์ได้หลายรูปแบบทั้งคอนเสิร์ต, ละครเวที, การแสดง และการประชุมต่าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ
2 อาคารใหม่ของ DBS ที่สร้างขึ้น ถือเป็นการสะท้อนจุดยืนของตัวเอง
ในแวดวงการศึกษาโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม
เพราะถึงจะเป็นโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรจากประเทศอังกฤษ
ที่นอกจากการสอนเชิงวิชาการเข้มข้น ก็ยังสอนทักษะการใช้ชีวิตรอบด้าน และการค้นหาตัวเองให้เจอ
เมื่อหลักคิดเป็นแบบนี้ จึงเป็นเหตุผลให้ DBS เลือกที่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน เพื่อตอบสนองแนวคิดนี้
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ การเรียนการสอนของ DBS ไม่ได้ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ อีกต่อไป
เพราะอย่าลืมว่า โลกเรา ณ วันนี้ เป็นยุคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่สร้างสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา
ทำให้ความรู้ในวันนี้ อาจเป็นความรู้ที่ล้าหลังในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้
ประเด็นนี้ถือเป็นความท้าทายที่โรงเรียนทั่วโลกและทุกระดับการศึกษาต้องเผชิญและปรับตัวให้ได้
อย่างล่าสุด กระแสการมาของ ChatGPT โปรแกรมอัจฉริยะที่สามารถทำได้สารพัดเรื่องอย่างถูกต้องและแม่นยำ
จนมีการคาดการณ์กันว่า ในอนาคตจะมีสารพัด AI อื่น ๆ อีกมาก ที่จะมาทดแทนการทำงานของมนุษย์
ฟังดูเหมือนเป็นความท้าทาย แต่ในมุมของ คุณจอนนี่ ลิดเดิ้ล อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนานาชาติ DBS กลับมองว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นในวงการการศึกษาของโลกใบนี้
โดยเขาเชื่อว่า อนาคตอันใกล้ AI จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในหลาย ๆ อาชีพ
จึงทำให้การเรียนการสอนยุคนี้ ต้องสอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องเป็นการเรียนรู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่
“ผมเชื่อว่า ถ้าทำอย่างนั้นได้ เด็กที่จบจาก DBS จะสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมและสวยงามให้แก่โลกใบนี้ได้เป็นอย่างแน่นอน” คุณจอนนี่ กล่าวปิดท้าย
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.