สรุปเส้นทาง เศรษฐา ทวีสิน จาก CEO สู่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

สรุปเส้นทาง เศรษฐา ทวีสิน จาก CEO สู่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

22 ส.ค. 2023
เรียกได้ว่า น่าจะเป็นอีกวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
นอกจากจะมีประเด็นของอดีตนายกทักษิณ ที่เดินทางกลับไทยในรอบ 17 ปีแล้ว
ยังมีเรื่องของการโหวตชื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอีกด้วย
ซึ่งผลโหวตก็ออกมาแล้วว่า คุณเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย จะได้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แล้วคุณเศรษฐา เป็นใคร ? เคยทำอะไรมาบ้าง ก่อนจะมาเล่นการเมือง
และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
บทความนี้ MarketThink จะสรุปให้ฟังแบบสั้น ๆ
คุณ เศรษฐา ทวีสิน (นิด) เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505
เป็นลูกชายคนเดียว ของของร้อยเอก อำนวย ทวีสิน
เศรษฐา นับว่าเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ เพราะตระกูลทวีสิน เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายตระกูลธุรกิจยักษ์ใหญ่ ของประเทศไทย
ยกตัวอย่างเช่น
-ตระกูล ยิบอินซอย ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ พัฒนาระบบ IT ให้ภาครัฐและเอกชน
-ตระกูล ล่ำซำ ผู้ก่อตั้งธนาคารกสิกรไทย
-ตระกูล จูตระกูล ผู้บริหารศูนย์การค้าชื่อดัง ICONSIAM, Siam Paragon, Siam Discovery
ในด้านการศึกษา คุณเศรษฐา เรียนจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมสสาชูเซ็ตส์ (University of Massachusetts)
ก่อนจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ในสาขาบริหารธุรกิจ ด้านการเงิน
จาก บัณฑิตวิทยาลัยแคลมอนต์ (Claremont Graduate School) ของสหรัฐฯ
หลังจากเรียนจบ คุณเศรษฐาได้กลับมาทำงานที่บริษัท Procter & Gamble (P&G) ประเทศไทย เป็นเวลา 4 ปี โดย P&G เป็นเจ้าของแบรนด์ ยาสีฟัน Oral-B, แชมพูแพนทีน และอีกหลายแบรนด์ของใช้ ที่เราคุ้นเคย
ต่อมาคุณเศรษฐา ได้ย้ายไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่บริษัท แสนสำราญ
ร่วมกับคุณอภิชาติ จูตระกูล ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
ซึ่งในเวลาต่อมา บริษัทแห่งนี้ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “แสนสิริ” ที่เรารู้จักกันนั่นเอง
คุณเศรษฐา นำแสนสิริ ผ่านวิกฤติหนัก ๆ หลายครั้ง ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่หลายบริษัทอสังหาฯ ต้องล้มละลายและปิดตัวลง
รวมไปถึง การแพร่ระบาดของโควิด ที่เพิ่งผ่านมา คุณเศรษฐา ก็สามารถพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้มาได้
สำหรับผลประกอบการของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 3 ปีที่ผ่านมา
ปี 2563 รายได้ 34,891 ล้านบาท กำไร 1,673 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 29,748 ล้านบาท กำไร 2,017 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 34,974 ล้านบาท กำไร 4,280 ล้านบาท
จนถึงปัจจุบัน แสนสิริ ก็ยังเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย
และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในบริษัท TOP 30 ที่คนรุ่นใหม่ อยากร่วมทำงานด้วย
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน คุณเศรษฐา ได้ตัดสินใจโอนหุ้นทั้งหมดของแสนสิริ
ให้กับบุตรสาวคนเล็ก ก่อนจะสมัครเข้าเล่นการเมือง ในช่วงที่ผ่านมา
สุดท้าย คุณเศรษฐา พูดเสมอว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะอยากมีตำแหน่งว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง..”
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.