สรุป 5 ไฮไลต์ MacBook Air ชิป M3 รุ่น 13 และ 15 นิ้ว เริ่มต้น 39,900 บาท ชูจุดเด่น แล็ปท็อปที่ดีสุด ในการใช้ AI ทั่วไป

สรุป 5 ไฮไลต์ MacBook Air ชิป M3 รุ่น 13 และ 15 นิ้ว เริ่มต้น 39,900 บาท ชูจุดเด่น แล็ปท็อปที่ดีสุด ในการใช้ AI ทั่วไป

4 มี.ค. 2024
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ ทั้ง 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว
ซึ่งมาพร้อมชิป M3 ที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการใช้งาน และประหยัดพลังงาน
ที่สำคัญยังคงคอนเซปต์ MacBook Air ที่พกพาง่ายด้วยความบางเพียง 1 เซนติเมตรนิด ๆ
แล้วไฮไลต์ของ MacBook Air ชิป M3 มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ?
1. ประสิทธิภาพที่เร็วและแรง จากชิป M3
ชิป M3 สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ช่วยให้ MacBook Air ทำงานได้เร็วขึ้นและมากความสามารถยิ่งขึ้น
ด้วย CPU แบบ 8-core ที่ทรงพลัง, GPU สูงสุดแบบ 10-core และการรองรับหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 24GB
จะทำให้ MacBook Air ชิป M3 เร็วขึ้นสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับรุ่นที่มีชิป M1
และเร็วขึ้นสูงสุด 13 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ที่มีโพรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด1
Apple ระบุว่า ผู้ใช้งานจะสัมผัสได้ถึงความเร็วระดับสุดขั้วของชิป M3 ไม่ว่าจะทำงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จนถึงงานที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ อย่างการปรับแต่งภาพและตัดต่อวิดีโอ หรือการพัฒนาซอฟต์แวร์
นอกจากนี้ GPU เจเนอเรชันถัดไปในชิป M3 ยังทำให้ MacBook Air สามารถมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สวยงามสมจริงแบบสุดๆ จากแสงเงาและภาพสะท้อนที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
อีกทั้ง การสตรีมวิดีโอจากบริการต่าง ๆ ยังทำให้มีคุณภาพสูงขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย
2. แบตเตอรี่ใช้ได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
ซึ่งนานกว่า MacBook Air ที่มีโพรเซสเซอร์ Intel สูงสุด 6 ชั่วโมง
3. แล็ปท็อประดับผู้ใช้ทั่วไปที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ AI
การเปลี่ยนมาเป็น Apple Silicon ทำให้ Mac ทุกเครื่องเป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับ AI
และชิป M3 ก็มาพร้อม Neural Engine แบบ 16-core ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงตัวเร่งความเร็วใน CPU และ GPU
ทั้งหมดนี้ ทำให้ MacBook Air เป็นแล็ปท็อประดับผู้ใช้ทั่วไปที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ AI
ผู้ใช้สามารถใช้งาน AI ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่การตรวจทานการบ้านด้วย AI Math Assistance ใน Goodnotes 6 ไปจนถึงการปรับแต่งรูปให้สวยขึ้นโดยอัตโนมัติใน Pixelmator Pro
หรือแม้แต่การตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกจากวิดีโอด้วย CapCut
MacBook Air ยังสามารถรันโมเดล AI ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)
หรือโมเดล Diffusion ที่ใช้ในการสร้างภาพขึ้นมาด้วยตัวของอุปกรณ์เอง
รวมถึงยังสามารถใช้งานแอปเพื่อการทำงานและสร้างสรรค์ ที่อาศัยความสามารถของ AI เช่น Microsoft Copilot สำหรับ Microsoft 365, Canva และ Adobe Firefly ได้อย่างราบรื่น
4. ตัวเครื่องอะลูมิเนียมทำให้แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา และบางเพียงหนึ่งเซนติเมตรนิดๆ จึงสามารถพกไปทำงาน เล่น หรือสร้างสรรค์ได้ทุกที่
โดยจอภาพเป็นจอ Liquid Retina, ความสว่างสูงสุด 500 นิต, รองรับสีสัน 1 พันล้านสี และมีความละเอียดสูงกว่าแล็ปท็อป PC ที่เทียบเคียงกันสูงสุด 2 เท่า ภาพคอนเทนต์ต่าง ๆ จึงให้ภาพสวย พร้อมรายละเอียดที่คมชัด
ที่สำคัญ ยังรองรับจอภาพภายนอกสูงสุด 2 จอ เหมาะสำหรับผู้ใช้ธุรกิจหรือใครก็ตามที่ต้องการใช้จอภาพหลายจอสำหรับทำงานแบบมัลติทาสก์สลับไปมาระหว่างแอป หรือเปิดดูเอกสารหลายอย่างพร้อมกัน
5. การเชื่อมต่อ
MacBook Air พร้อมชิป M3 รองรับ Wi-Fi 6E ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าสูงสุด 2 เท่า และยังมาพร้อมพอร์ต MagSafe สำหรับชาร์จ และพอร์ต Thunderbolt อีก 2 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม รวมถึงช่องต่อหูฟัง 3.5 มม.
ส่วนกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p, ไมโครโฟน 3 ตัว และลำโพง รองรับ Spatial Audio ที่เต็มอิ่มสมจริงพร้อมด้วย Dolby Atmos ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินกับมิติเสียงแบบ 3 มิติไม่ว่าจะฟังเพลงหรือดูภาพยนตร์
ทั้งหมดนี้คือไฮไลต์ของ MacBook Air ชิป M3 ทั้ง 13 และ 15 นิ้ว
โดย MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M3 มีราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท
ในขณะที่ MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว พร้อมชิป M3 มีราคาเริ่มต้นที่ 47,900 บาท
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีจำหน่ายใน 4 สี ได้แก่ มิดไนท์, สีสตาร์ไลต์, สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์
อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่ได้ประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.