Apple ประกาศผลประกอบการล่าสุด กระทบแค่ไหนจากโควิด-19 ?
1 พ.ค. 2020
ล่าสุด Apple เพิ่งประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 (ม.ค. - มี.ค. 2020)
ซึ่งหลายคนก็คาดการณ์กันว่า Apple ต้องได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มากก็น้อย
ซึ่งหลายคนก็คาดการณ์กันว่า Apple ต้องได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มากก็น้อย
เนื่องจาก Apple ต้องปิดหน้าร้านในหลายๆประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก เช่น จีน, สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของ Apple
โดยเฉพาะประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก เช่น จีน, สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของ Apple
นอกจากนี้ แหล่งโรงงานผลิตและซัพพลายเชนของ Apple ซึ่งตั้งอยู่ในจีน ก็ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว
ดังนั้นมาดูกันว่า Apple ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้หนักขนาดไหน?
ผ่านตัวผลประกอบการของบริษัท
ผ่านตัวผลประกอบการของบริษัท
ในไตรมาสล่าสุด Apple มีรายได้รวม 1,894,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5%
โดยแบ่งเป็น รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 1,460,980 ล้านบาท ลดลง 3.4%
รายได้ค่าบริการ 433,697 เพิ่มขึ้น 16.6%
โดยแบ่งเป็น รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 1,460,980 ล้านบาท ลดลง 3.4%
รายได้ค่าบริการ 433,697 เพิ่มขึ้น 16.6%
จะเห็นได้ว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้รับผลกระทบพอสมควร
ในขณะที่รายได้ฝั่งบริการ เช่น AppleCare, Apple Music, iCloud, App Store, Apple Pay และ Apple Search Ads ยังคงเติบโตได้ดี
ในขณะที่รายได้ฝั่งบริการ เช่น AppleCare, Apple Music, iCloud, App Store, Apple Pay และ Apple Search Ads ยังคงเติบโตได้ดี
ถ้าดูรายละเอียดในส่วนของรายได้ผลิตภัณฑ์
Apple มีรายได้จาก iPhone 941,019 ล้านบาท ลดลง 6.7%
Mac 173,862 ล้านบาท ลดลง 2.9%
iPad 141,923 ล้านบาท ลดลง 10.3%
Wearables เช่น Apple AirPods และ Apple Watch 204,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5%
Apple มีรายได้จาก iPhone 941,019 ล้านบาท ลดลง 6.7%
Mac 173,862 ล้านบาท ลดลง 2.9%
iPad 141,923 ล้านบาท ลดลง 10.3%
Wearables เช่น Apple AirPods และ Apple Watch 204,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5%
ยอดขายผลิตภัณฑ์ของ Apple ยกเว้น Wearables ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งก็น่าคิดว่า เรื่องนี้เกิดจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทำให้ Apple ต้องปิดหน้าร้านชั่วคราว
รวมถึงผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าไอทีลง เพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจ
ซึ่งก็น่าคิดว่า เรื่องนี้เกิดจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทำให้ Apple ต้องปิดหน้าร้านชั่วคราว
รวมถึงผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าไอทีลง เพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจ
หรือว่า เกิดจากผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้รับความนิยมในตลาดน้อยลง ?
อันไหนมีน้ำหนักกว่า ก็เป็นคำถามที่น่าคิด..
อันไหนมีน้ำหนักกว่า ก็เป็นคำถามที่น่าคิด..
ในส่วนรายได้ทั้งหมด ถ้าแบ่งตามภูมิภาค
จะมาจาก สหรัฐฯ คิดเป็น 43.7%
ยุโรป 24.5%
จีนแผ่นดินใหญ่ 16.2%
ญี่ปุ่น 8.9%
ประเทศที่เหลือในเอเชียแปซิฟิก 6.7%
จะมาจาก สหรัฐฯ คิดเป็น 43.7%
ยุโรป 24.5%
จีนแผ่นดินใหญ่ 16.2%
ญี่ปุ่น 8.9%
ประเทศที่เหลือในเอเชียแปซิฟิก 6.7%
ซึ่งสรุปแล้วในไตรมาสนี้ Apple
มีกำไรจากการดำเนินงาน 417,613 ล้านบาท ลดลง 4.2%
มีกำไรสุทธิ 365,497 ล้านบาท ลดลง 2.7%
(อัตราการลดลงน้อยกว่ากำไรจากการดำเนินงาน เพราะมีอัตราค่าใช้จ่ายทางภาษีลดลง)
มีกำไรจากการดำเนินงาน 417,613 ล้านบาท ลดลง 4.2%
มีกำไรสุทธิ 365,497 ล้านบาท ลดลง 2.7%
(อัตราการลดลงน้อยกว่ากำไรจากการดำเนินงาน เพราะมีอัตราค่าใช้จ่ายทางภาษีลดลง)
ตอนนี้ Apple ยังคงมีเงินสดมหาศาลกองอยู่ในบริษัทเช่นเคย
โดยมี เงินสด และหลักทรัพย์ในความต้องการตลาด รวมกัน 3,055,858 ล้านบาท
สามารถเหมาซื้อ 4 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย
ปตท. (PTT), ท่าอากาศยานไทย (AOT), ซีพี ออลล์ (CPALL), แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)
ได้อย่างสบายๆ
โดยมี เงินสด และหลักทรัพย์ในความต้องการตลาด รวมกัน 3,055,858 ล้านบาท
สามารถเหมาซื้อ 4 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย
ปตท. (PTT), ท่าอากาศยานไทย (AOT), ซีพี ออลล์ (CPALL), แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)
ได้อย่างสบายๆ
ล่าสุดหลังประกาศผลประกอบการ หุ้นของ Apple
-2.6% หลังเวลาซื้อขายนอกเวลาทำการ
-2.6% หลังเวลาซื้อขายนอกเวลาทำการ
ส่วนแนวโน้มในอนาคต
Apple อาจมีผลประกอบการที่สดใสขึ้น
เนื่องจากบางประเทศสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย
จน Apple สามารถกลับมาเปิดหน้าร้านได้อีกครั้ง
Apple อาจมีผลประกอบการที่สดใสขึ้น
เนื่องจากบางประเทศสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย
จน Apple สามารถกลับมาเปิดหน้าร้านได้อีกครั้ง
และ Apple ก็เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ไม่นาน อย่าง iPad Pro และ iPhone SE รุ่นใหม่
ซึ่งก็อาจมาช่วยดันยอดขายของ Apple อีกแรง..
ซึ่งก็อาจมาช่วยดันยอดขายของ Apple อีกแรง..
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างตระกูล iPhone 11
ก็มีข่าวลือ ปีนี้อาจเลื่อนเปิดตัวไป เนื่องจากผลกระทบจากเจ้าโควิด-19 อีกเช่นกัน..
ก็มีข่าวลือ ปีนี้อาจเลื่อนเปิดตัวไป เนื่องจากผลกระทบจากเจ้าโควิด-19 อีกเช่นกัน..
อ้างอิง - Financial Report_Q2 2020