YouTube อัปเดตฟีเชอร์ใหม่ “Test & Compare” ตั้งชื่อวิดีโอได้ 3 ชื่อ เพื่อหาชื่อที่ ดึงดูดผู้ชมได้ดีสุด

เมื่อไม่นานมานี้ YouTube เพิ่งเปิดตัวฟีเชอร์ใหม่ “A/B Video Titles” ให้ครีเอเตอร์ เจ้าของช่อง ตั้งชื่อคลิปวิดีโอได้หลายชื่อ เพื่อทดสอบว่า ใช้ชื่อไหนแล้วมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ซึ่งจริง ๆ ฟีเชอร์ “A/B Test” แบบนี้ YouTube ไม่ได้เพิ่งปล่อยครั้งนี้ครั้งแรก

แต่ก่อนหน้านี้ ช่วงกลางปี 2023 ก็เคยเปิดตัวฟีเชอร์ “Test & Compare” ที่ให้ครีเอเตอร์ เจ้าของช่อง สามารถทดสอบรูปปกวิดีโอ (Thumbnail) ได้หลายรูป เพื่อหาว่า รูปไหนที่ดึงดูดให้ผู้ชมกดดูวิดีโอได้มากที่สุด

แล้วฟีเชอร์ Test & Compare สำหรับชื่อวิดีโอ มีหลักการทำงานอย่างไร ?

- ฟีเชอร์ Test & Compare คืออะไร ?

หากเปรียบเทียบในมุมการตลาด ฟีเชอร์นี้ก็คือ A/B Testing คือ กระบวนการทดสอบเพื่อหาว่าลูกค้ามีการตอบสนองต่อสิ่งที่เรามอบให้อย่างไร จากนั้นจึงนำผลการทดสอบมาเทียบกันว่า ลูกค้าชอบแบบไหน หรือแบบไหนทำให้ขายสินค้าได้มากที่สุด

ทีนี้เมื่ออยู่ในมุมของ YouTube
Test & Compare ก็คือ ฟีเชอร์ที่ช่วยเปรียบเทียบว่า ชื่อคลิป และภาพปกคลิปแบบไหน จะสามารถดึงดูดผู้ชมให้เข้ามาดูวิดีโอของเราได้มากที่สุด

ซึ่งล่าสุดนี้ YouTube เพิ่งปรับให้ครีเอเตอร์ เจ้าของช่อง ทดสอบได้ทั้งหมด 3 ภาพปก และ 3 ชื่อคลิปวิดีโอ

โดยหลักการทดสอบก็ง่าย ๆ คือ หลังจากลงไปเรียบร้อย ระบบหลังบ้านก็จะมีการเก็บข้อมูลว่า ภาพปกและชื่อวิดีโออันไหน มี CTR (Click-Through Rate) คืออัตราการคลิกเข้ามาดูมากที่สุด

ประกอบกับ Watch Time หรือเวลาในการรับชม คือระยะเวลาทั้งหมดที่ผู้ชมใช้ในการรับชมวิดีโอ

หลังจากเก็บข้อมูลแล้ว เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ระบบก็จะเลือกชื่อคลิป และภาพปกคลิปที่ดีที่สุดมาใช้งาน เป็นค่า Default สำหรับทุกคนนั่นเอง

- ทีนี้ แล้วเราจะใช้งานฟีเชอร์ A/B Testing ที่ว่านี้ได้อย่างไร ?

ครีเอเตอร์สามารถเข้าไปทดลองใช้งานกันได้ใน YouTube Studio เวอร์ชันเดสก์ท็อป มีขั้นตอนดังนี้

1. อัปโหลดคลิปวิดีโอ

2. คลิกที่ “เลือกภาพปก” จะเห็นฟีเชอร์ Test & Compare

3. ให้เลือกว่าอยากทดสอบอะไร เช่น ภาพปก, ชื่อคลิป, ทั้งภาพปกและชื่อคลิป
ซึ่งทั้งภาพปก และชื่อคลิป จะสามารถใส่ได้ทั้งหมด 3 Options

4. เมื่อทดสอบเสร็จสิ้น ครีเอเตอร์จะเห็นผลอัตราการคลิก และเวลาในการรับชม

ด้วยฟีเชอร์นี้ ครีเอเตอร์จะสามารถเลือกใช้งานแคปชัน และภาพปกวิดีโอได้น่าสนใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อาจจะพบเห็นฟีเชอร์ A/B Test บน YouTube ได้ไม่ครบทุกคน เนื่องจาก YouTube เพิ่งจะทยอยปล่อยให้อัปเดตให้ผู้ใช้งานเพิ่มเติมในเดือนนี้