กรณีศึกษา เบื้องหลังเกมธุรกิจสุดปัง อินทนิล ดัลโกนา และ ชากุหลาบ ตรามือ

กรณีศึกษา เบื้องหลังเกมธุรกิจสุดปัง อินทนิล ดัลโกนา และ ชากุหลาบ ตรามือ

5 พ.ย. 2021
ถ้าจะถามว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านกาแฟแบรนด์ไหน ถูกพูดถึงมากที่สุดในโซเชียล
จนเกิดเป็นกระแสทั้งบน Online และ On Ground
ร้านนั้นก็คือ อินทนิล ที่กำลังมีเมนูเครื่องดื่ม “โกโก้ดัลโกนา ชากุหลาบ” และ “มัทฉะดัลโกนา ชากุหลาบ” เมนูที่ถูกจับตาตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว นั่นเพราะคือความร่วมมือกันครั้งแรก ของ อินทนิล และ ชาตรามือ
ที่เมื่อหลายคนได้ชิมก็ต่างรีวิวถึงความหอม มัน นัว อร่อยลงตัวในแบบพอดี ๆ
โดยที่มาของเมนูเครื่องดื่มสุดปังนี้มาจากโปรเจ็คท์พิเศษ
ระหว่าง “ชาตรามือ” แบรนด์ไทยระดับตำนานที่มีอายุกว่า 70 ปี กับ “ร้านกาแฟอินทนิล” ของกลุ่มบางจาก
ซึ่งเป็น Seasonal Menu หรือ เมนูพิเศษช่วงปีใหม่ ที่จะขายตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 - 28 ก.พ. 2565
ด้วยรสชาติที่สร้างความฟิน พร้อมกับราคาที่เข้าถึงง่าย
เพียงแก้วละ 69 บาท สำหรับเมนูเย็น และ 79 บาท สำหรับเมนูปั่น
ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ทำให้ “อินทนิล ดัลโกนา” สร้างยอดขายได้ดีเกินความคาดหมาย
แต่ยังมีอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ เบื้องหลังของความร่วมมือครั้งนี้
กลับมี Story หลายอย่างน่าสนใจ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เพราะจริง ๆ แล้วร้านกาแฟ อินทนิล ที่มีเกือบ 800 สาขา
เคยเสิร์ฟทั้ง โกโก้ดัลโกนา และ สตรอว์เบอร์รี่ดัลโกนา บนกาแฟลาเต้,โกโก้, มัทฉะ
โดยเป็น Seasonal Menu ในช่วงปลายปีที่แล้ว ตั้งแต่ วันที่ 1 ธ.ค. 2563 - 28 ก.พ. 2564
จนเมื่อกระแสและยอดขายดีเกินคาด
ถึงขนาดที่หมดช่วงโปรโมชั่นการขายไปแล้ว ลูกค้าก็ยังเรียกร้องให้ขายต่อไป
ทำให้ อินทนิล จำเป็นต้องขยายระยะเวลา ในการขายเมนู ดัลโกนา จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน
เหตุผลก็เพราะหลายคนต่างหลงใหลกับรสชาตินุ่ม นัว ใบแบบ ดัลโกนา
ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ และเป็นเมนูสุดฮิตของคาเฟ่เกาหลี
ด้วยจุดขายที่เป็นกาแฟโฟม ฟองครีมนุ่มละมุน
อินทนิล จึงนำมาดัดแปลงให้อร่อยยิ่งขึ้น โดยใช้จุดแข็งของโกโก้อินทนิลที่ทุกคนชื่นชอบ
จนเป็นเมนูโกโก้ดัลโกนา และสตรอว์เบอร์รีดัลโกนา ในปีที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจ กาแฟ ดัลโกนา นั้นเกิดจากการดัดแปลงวิธีการทำขนม ทัลโกนา
ที่เป็นขนมหวานพื้นบ้านของประเทศเกาหลีใต้
ที่เป็นการเคี่ยวน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าและเติมเบกกิ้งโซดาจากนั้นก็เทลงถาด
เหมือนอย่างที่เราเห็นในซีรีส์ Squid Game ที่เป็นการแกะน้ำตาลเป็นรูปต่าง ๆ ในถาดเล็ก ๆ
นั่นแหละคือขนมน้ำตาลแผ่นชื่อว่า ทัลโกนา
ทีนี้เมื่อเมนูกลุ่ม ดัลโกนา กลายเป็นสิ่งที่แฟนคลับเรียกร้องให้นำกลับมาขายใหม่
กอปรกับเป็นช่วงเวลาของการทำ Seasonal Menu เครื่องดื่มพิเศษช่วงส่งท้ายปลายปี
อินทนิล ก็มีความคิดที่จะนำเครื่องดื่ม ดัลโกนา กลับมาอีกครั้ง
เพียงแต่หากทำในรูปแบบเดิม ๆ ไม่มีอะไรใหม่ ลูกค้าก็อาจไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก
ก็เลยทำให้อินทนิล มองหาพันธมิตร ในการสร้างสรรค์เมนู ดัลโกนา รสชาติใหม่เพิ่มเข้ามาด้วย
จากที่เคยมีมาแล้วก่อนหน้านี้
ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ เมื่อทาง อินทนิล เลือกจับมือกับ ชาตรามือ
เพราะหากมองผิวเผินทั้งสองแบรนด์ก็คือคู่แข่งกัน เมื่อต่างก็มีเครื่องดื่ม กาแฟ และชา ขายในร้าน
จะต่างกันตรงการให้น้ำหนักทางธุรกิจคือ อินทนิล เป็นร้านกาแฟ และชาตรามือ เป็นร้านชา
จากนั้นเมื่อตกลงว่าจะร่วมมือกัน
ทั้ง 2 แบรนด์ก็ช่วยกันคิดว่าจะทำ ดัลโกนา รสชาติใหม่ ด้วยเมนูไหนดี
ซึ่งคำตอบก็คือ ชากุหลาบ เพราะนี่คือชารสชาติ Signature ที่เมื่อพูดถึง ชากุหลาบ ก็ต้องนึกถึงร้าน ชาตรามือ
เลยเป็นที่มาให้เกิดเมนู ใหม่ อย่าง “อินทนิลดัลโกนา ชากุหลาบตรามือ”
ที่เป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 แบรนด์
โดยอินทนิล เลือกเก็บเมนูโกโก้และมัทฉะ ที่เข้ากันดีอยู่แล้วเอาไว้
และเมื่อบวกกับ โกโก้ดัลโกนา ที่ประสบความเร็จจากปีที่ผ่านมา กับ มัทฉะดัลโกนา ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
ทำให้เวลานี้ อินทนิล มี ดัลโกนา ให้ลูกค้าเลือกรวมกันถึง 12 เมนู ทั้งแบบเย็นและปั่น
โดยคนที่ได้ประโยชน์จากเกมนี้ก็คือ ผู้บริโภค
ที่จะได้ทานเครื่องดื่มรสชาติใหม่แสนอร่อย ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ส่วนในมุมการตลาด การร่วมมือครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่ของวงการร้านกาแฟไทยเลยก็ว่าได้
เพราะใครจะคิดว่าร้านเครื่องดื่มที่เหมือนจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง
จะมีความคิดในเปลี่ยน คู่แข่ง มาเป็น เพื่อนทางธุรกิจ
ด้วยการจับมือกันออกรสชาติใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายให้ทั้งสองฝ่าย
อินทนิล ได้ขายเครื่องดื่ม ชาตรามือ ได้ขายวัตถุดิบ
แต่ทั้งคู่ ได้ Brand Love ร่วมกันไปแล้ว ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวเมนู
เป็นวิธีคิดการทำธุรกิจยุคใหม่
ด้วยการ “ลดคู่แข่งทางธุรกิจให้น้อยลง แต่เพิ่มเพื่อนทางธุรกิจให้มากขึ้น”
ผลลัพธ์ก็คือทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์จากเกมนี้ .. ในแบบที่ไม่ต้องลุ้น
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.