Netflix หุ้นร่วง 20% หลังยอดสมาชิก ในหลายพื้นที่แทบไม่โต

ล่าสุด Netflix ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2021 (ต.ค. - ธ.ค. 2021)
ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงมากกว่า 20% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตของจำนวนสมาชิก ที่เริ่มอิ่มตัวในหลายพื้นที่

โดยในไตรมาสที่ 4 :
บริษัทมีรายได้ 254,721 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน
และมีกำไร 20,056 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12%

ในส่วนของจำนวนสมาชิก Netflix มียอดสมาชิกรายใหม่เพิ่มเข้ามา 8.3 ล้านบัญชี
ทำให้สิ้นไตรมาสที่ 4 มียอดสมาชิกทั้งหมดรวม 221.8 ล้านบัญชี หรือเติบโตขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ซึ่งจำนวนสมาชิกรายใหม่ 8.3 ล้านบัญชี แม้จะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.2 ล้านบัญชี
แต่ก็ยังน้อยกว่าตัวเลขในไตรมาส 4 ปี 2020 ที่ตอนนั้น Netflix สามารถดึงสมาชิกรายใหม่เข้ามาได้ 8.5 ล้านบัญชี

หรือพูดง่าย ๆ ว่า หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน Netflix ดึงดูดผู้ใช้งานหน้าใหม่ได้น้อยกว่า หรือเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงนั่นเอง

โดยหากมาดูจำนวนสมาชิกของ Netflix แยกตามภูมิภาค

-สหรัฐอเมริกาและแคนาดา (UCAN)
ไตรมาสที่ 4 ปี 2021 มียอดสมาชิก 75.2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบัญชี
ในขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2020 มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบัญชี

-ยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)
ไตรมาสที่ 4 ปี 2021 มียอดสมาชิก 74.0 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบัญชี
ในขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2020 มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบัญชี

-ละตินอเมริกา (LATAM)
ไตรมาสที่ 4 ปี 2021 มียอดสมาชิก 40.0 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบัญชี
ในขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2020 มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบัญชี

-เอเชียแปซิฟิก (APAC)
ไตรมาสที่ 4 ปี 2021 มียอดสมาชิก 32.6 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบัญชี
ในขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2020 มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบัญชี

นอกจากนี้ Netflix ยังกล่าวว่า คาดว่าในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 จะเพิ่มสมาชิกรายใหม่ได้เพียง 2.5 ล้านบัญชี
ซึ่งต่ำกว่าช่วงไตรมาส 1 ปี 2021 ที่เพิ่มจำนวนสมาชิกรายใหม่ได้ 4.0 ล้านบัญชี

และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์จาก StreetAccount คาดการณ์ไว้ว่า Netflix จะมีสมาชิกใหม่ 6.9 ล้านบัญชี ในไตรมาส 1 ของปี 2021

โดยทาง Netflix กล่าวว่า
“ผู้ใช้บริการ ย่อมสามารถเลือกได้เสมอ เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องการสื่อบันเทิง
และนอกจากนี้ 24 เดือนที่ผ่านมา การแข่งขันในตลาดก็เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่บริษัทสื่อบันเทิงทั่วโลก ต่างหันหน้ามาทำแพลตฟอร์มสตรีมมิงของตัวเอง
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเราบางส่วน”

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดที่สำคัญ ก็จะมี Disney+, HBO Max, Paramount+, Peacock, Amazon Prime, Apple TV+ และอื่น ๆ

หากไปดูที่เป้าหมายของ Netflix คือต้องการให้มีผู้ใช้งานทั่วโลกราว ๆ 800 - 900 ครัวเรือนทั่วโลก ทั้งผู้ใช้งานที่ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ หรือ Pay-TV
แต่ตอนนี้ยังถือว่ายังเร็วเกินไป ที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น

ทางคุณ Ted Sarandos ซึ่งเป็นประธานบริหารร่วม (co-CEO) กล่าวว่า
“นี่มันเป็นไดนามิก หรือความผันผวนของตลาดเฉย ๆ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้มั่นคงอย่างที่ทุก ๆ คนคิดว่าบริษัทจะต้องมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเท่านี้ ๆ ในทุกไตรมาส, ทุกเดือน หรือสัปดาห์
แต่กลับไม่มีคำถามว่าทิศทางธุรกิจ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร”

อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่ผ่านมา Netflix ก็ได้ประกาศขึ้นราคาสมาชิกในสหรัฐฯ และแคนาดา

โดยในสหรัฐฯ
-แผน Basic (สตรีมได้ 1 หน้าจอ ที่ความละเอียด 480p)
ปรับขึ้นเป็นราคา 9.99 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ราคา 8.99 ดอลลาร์สหรัฐ

-แผน Standard (สตรีมได้ 2 หน้าจอ ที่ความละเอียด 1080p)
ปรับขึ้นเป็นราคา 15.49 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ราคา 13.99 ดอลลาร์สหรัฐ

-แผน Premium (สตรีมได้ 4 หน้าจอ ที่ความละเอียด 4K)
ปรับขึ้นเป็นราคา 19.99 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ราคา 17.99 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ คาดว่าการปรับขึ้นราคา ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ Netflix ที่พอมาถึงจุดหนึ่ง ลูกค้าจะติด Original Content ที่มีเฉพาะบน Netflix เท่านั้น ซึ่งก็เป็นหนึ่งในวิธีการเพิ่มรายได้ ที่ง่ายกว่าการเพิ่มฐานผู้ใช้งานใหม่ในตลาดที่โตแบบชะลอตัวลง หรือเริ่มอิ่มตัวแล้วนั่นเอง

อ้างอิง:
-https://s22.q4cdn.com/959853165/files/doc_financials/2021/q4/FINAL-Q4-21-Shareholder-Letter.pdf
-https://www.cnbc.com/2022/01/20/netflix-nflx-earnings-q4-2021.html
-https://www.cnbc.com/2022/01/20/netflix-quietly-admits-streaming-competition-is-eating-into-growth.html