รู้จัก OATSIDE แบรนด์นมโอ๊ต จากสิงคโปร์ ที่ TrueCoffee และ Kamu เลือกใช้

รู้จัก OATSIDE แบรนด์นมโอ๊ต จากสิงคโปร์ ที่ TrueCoffee และ Kamu เลือกใช้

3 ก.ย. 2022
หนึ่งในนมทางเลือกที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้น “นมโอ๊ต”
และเมื่อไม่นานมานี้ มีถึง 2 แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องนมโอ๊ตอย่าง Oatly และ OATSIDE เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
หลาย ๆ คนอาจจะรู้จัก Oatly เป็นอย่างดี เพราะเป็นบริษัทระดับโลก
ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ได้ IPO เข้าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วน OATSIDE แม้ในแง่บริษัท อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่า
แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่รอคอยว่า เมื่อไรนมโอ๊ตแบรนด์นี้ จะเข้าไทยเสียที
และเมื่อเข้าไทยมาแล้ว ก็มีหลาย ๆ รีวิวบอกว่า เป็นนมโอ๊ต ที่อร่อยไม่แพ้นมวัว..
แล้วนมโอ๊ตของ OATSIDE มีอะไรน่าสนใจบ้าง ? มาหาคำตอบกัน
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า นมโอ๊ต คือ นมจากพืช หรือเป็นนมทางเลือกแทนนมวัว
เพราะแม้ว่า นมวัว จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ในแง่ของกระบวนการผลิต กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก รวมถึงปัจจุบัน ยังมีกลุ่มคนที่แพ้แล็กโทสในนมวัวมากขึ้นด้วย
สำหรับ OATSIDE เป็นสตาร์ตอัปจากสิงคโปร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนา “นมโอ๊ต” และเพิ่งก่อตั้งมาได้ 2 ปีเท่านั้น
โดยจุดเริ่มต้นของ OATSIDE เกิดขึ้นจากคุณ Benedict Lim ซีอีโอของบริษัท
ซึ่งเคยเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Kraft Heinz
หรือบริษัทที่หลายคนรู้จักกันดี เพราะเป็นเจ้าของซอสมะเขือเทศ Heinz นั่นเอง
ชายวัย 31 ปีคนนี้ ได้บรรยายตัวเองว่า “เป็นนักกินตัวยง”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่า ทำไมเส้นทางอาชีพของเขา มักวนเวียนอยู่กับบริษัทด้านอาหาร และให้กำเนิดสตาร์ตอัปอย่าง OATSIDE ขึ้นมา
คุณ Benedict Lim ได้เริ่มต้นทำนมโอ๊ต จากการทดลองทำเพื่อดื่มเองที่บ้าน
โดยใช้ส่วนผสมและกระบวนการสกัดที่หลากหลาย
ซึ่งส่งผลให้นมโอ๊ตที่ได้มีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของรสชาติ และเนื้อสัมผัส
จุดนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น และประทับใจ จึงหันมาพัฒนานมโอ๊ตอย่างจริงจัง
และได้ก่อตั้ง OATSIDE ขึ้นมาในเดือนพฤษภาคม ปี 2020
จากนั้นก็ใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนา สร้างโรงงานผลิต และวางรากฐานต่าง ๆ นานถึง 18 เดือน
จนท้ายที่สุด แบรนด์ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา
ซึ่งนับว่า เป็นหนึ่งในสตาร์ตอัปที่พัฒนานมโอ๊ตรายแรก ๆ ของภูมิภาค ที่มีความสามารถในการควบคุมดูแลเองทั้งหมด ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ ไปจนถึงการผลิตเลยทีเดียว..
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วนมโอ๊ตแบบไหน ที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ถูกใจคุณ Benedict Lim ที่สุด จนออกมาเป็นนมโอ๊ตที่วางขายอยู่ทุกวันนี้ ?
คำตอบก็คือ นมโอ๊ต ที่ผลิตจากข้าวโอ๊ตของประเทศออสเตรเลีย
เพราะว่า หลังจากการทดลองเกือบ 50 เวอร์ชัน ในระยะเวลา 6 เดือน พบว่า ข้าวโอ๊ตของออสเตรเลีย มีความครีมมี่มากกว่า และนัวกว่าข้าวโอ๊ตของที่อื่น ๆ นั่นเอง
ปัจจุบัน OATSIDE ได้ขยายธุรกิจไปวางขายในหลาย ๆ ประเทศทั่วทวีปเอเชีย
ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน รวมถึงไทยด้วย
โดย OATSIDE มีให้เลือกด้วยกันถึง 3 รสชาติ ได้แก่
- OATSIDE Barista Blend รสชาติออริจินัล เหมาะสำหรับการนำไปชงชาและกาแฟ
- OATSIDE Chocolate มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้ พันธุ์ผสมระหว่างอินโดนีเซีย-แอฟริกา
- OATSIDE Chocolate Hazelnut มีส่วนผสมของจานดูย่า คือส่วนผสมของเฮเซลนัทบดกับช็อกโกแลต ที่นำเข้าจากประเทศตุรกี
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า นมวัว มีกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กลับกัน หนึ่งในพันธกิจของ OATSIDE คือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ดังนั้น นมโอ๊ตของ OATSIDE จึงถูกคิดค้นและผลิตโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อโลกให้มากที่สุด
ซึ่งเมื่อเทียบกับการผลิตนมวัวแล้ว นมโอ๊ตของ OATSIDE ใช้พื้นที่และน้ำน้อยลง 90% รวมทั้งยังปล่อยมลพิษน้อยลง 70% อีกด้วย
ส่วนในแง่ของประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อดื่มแทนนมวัว ก็ถือว่ามีประโยชน์ไม่แพ้กัน
เพราะเมื่อนมโอ๊ต ทำมาจากข้าวโอ๊ต จึงมีเบตากลูแคน ที่ช่วยเรื่องการทำงานของหัวใจ, ช่วยลดคอเลสเตอรอล, ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และยังมีไขมันอิ่มตัวต่ำอีกด้วย
แม้ว่าจะมีประโยชน์ขนาดนี้ แต่พอขึ้นชื่อว่าเป็น “นมจากพืช”
ก็เชื่อได้ว่า หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่พร้อมเปิดใจลองดื่ม
จึงเรียกได้ว่า นี่เป็น “อุปสรรค” ก้อนโตของ OATSIDE เลยก็ว่าได้
แล้ว OATSIDE ใช้กลยุทธ์อะไร เพื่อทำให้คนเปิดใจมากขึ้น ?
- ออกแบบแพ็กเกจจิงให้มีความมินิมัล คุมโทนด้วยสีขาว ดำ และน้ำตาล
ควบคู่ไปกับการใช้ภาพประกอบที่มีสีสันสดใส สะดุดตา
ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูทันสมัย ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ที่ไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้น
- ใช้แบรนด์แมสคอตอย่าง “หมีสีน้ำตาล” ที่มีลุคแบบชิก ๆ คูล ๆ เข้ามาช่วยในการสื่อสารทางการตลาด บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งช่วยสลัดภาพแบรนด์นมโอ๊ตแบบเดิม ๆ เป็นแบรนด์นมโอ๊ตแบบใหม่ ที่มีความสนุกสนาน และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- ให้ลูกค้าได้ทดลองนมโอ๊ต เป็นนมทางเลือก เมื่อซื้อชาและกาแฟในร้านชื่อดัง
ไม่ว่าจะเป็น The Coffee Club, TrueCoffee, Kamu Tea, ChaEn Tea, ร้านไอศกรีม Molly Ally และร้านขนม Chikalicious
รวมไปถึงเกิดอีกกรณีหนึ่งคือ เมื่อนมโอ๊ตของ OATSIDE มีรสชาติและคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว
ก็อาจเกิดการบอกต่อ หรือเกิดการรีวิวบนโซเชียลมีเดีย
ทำให้หลาย ๆ คนไปทดลองตาม โดยที่แบรนด์ไม่ต้องทำอะไรเลย
สุดท้ายถ้าถามว่า นมโอ๊ตของ OATSIDE ได้รับความนิยมขนาดไหน ?
ในแง่ของการทำธุรกิจ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 หรือหลังก่อตั้งได้เพียง 7 เดือนเท่านั้น
OATSIDE สามารถระดมทุนได้ถึง 570 ล้านบาท
และเมื่อไม่นานมานี้ OATSIDE สามารถระดมทุนได้เพิ่มอีกถึง 1,700 ล้านบาท
นำโดย Temasek Holdings กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์นั่นเอง
ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า สตาร์ตอัปอย่าง OATSIDE จะประสบความสำเร็จได้ขนาดไหน
เพราะการจะเข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภค ไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นมจากพืช ที่อาจเป็นแค่กระแสที่ผ่านมา และหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ได้
หรือจะเป็นเทรนด์ในระยะยาว ที่ใคร ๆ ก็ต่างหันมาดื่มกันในอนาคต ก็ยังไม่มีใครรู้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ตลาดนมโอ๊ตทั่วโลก มีมูลค่าอยู่ที่ 80,400 ล้านบาท
ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าของตลาดนมวัว
อย่างไรก็ดี ตลาดนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 14.2%
จนในอีก 6 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 233,000 ล้านบาท
แล้วรู้หรือไม่ ? ถ้าดูมูลค่าตามภูมิภาค พบว่า เอเชียแปซิฟิก คือภูมิภาคที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดถึง 45% เลยทีเดียว
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่แบรนด์ต่าง ๆ จะหันมาตีตลาดในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย มากขึ้นนั่นเอง..
อ้างอิง:
-https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/oat-milk-market
-https://oatside.com/
-https://vulcanpost.com/785908/OATSIDE-founder-oat-milk-singapore-growth-plans/
-https://vegconomist.com/food-and-beverage/milk-and-dairy-alternatives/65-6m-singapores-first-oat-milk-brand-oatside/
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.