ทำไม BUZZEBEES ถึงเป็นผู้ให้บริการด้าน Loyalty Platform ที่มีลูกค้าระดับ บิ๊กเนม มากถึง 350 ราย

ทำไม BUZZEBEES ถึงเป็นผู้ให้บริการด้าน Loyalty Platform ที่มีลูกค้าระดับ บิ๊กเนม มากถึง 350 ราย

30 มี.ค. 2023
นับตั้งแต่อินเทอร์เน็ต เกิดขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1969 โลกของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..
เพราะอินเทอร์เน็ต ทำให้สิ่งที่เรียกว่า เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, แอปพลิเคชัน, E-commerce และแพลตฟอร์มทั้งหลายได้เกิดขึ้นมา พร้อมกับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไปตลอดกาล
ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น “พฤติกรรมการเลือกซื้อของออนไลน์”
ที่จากเดิมผู้บริโภคต้องเดินทางไปซื้อสินค้าด้วยตัวเองที่จุดวางจำหน่าย
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าลูกค้าสามารถซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง แม้ว่าจะนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงก็ตาม
พอเป็นแบบนี้ จึงเหมือนเป็นภาคบังคับที่ทำให้หลายบริษัทต้องหันมาใส่ใจกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร, บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า
ต่างก็กระโดดเข้ามาในช่องทางออนไลน์
ถึงอย่างนั้นการเข้ามาสู่โลกออนไลน์ของแบรนด์ต่าง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีต้นทุนที่สูง
และมีขั้นตอนที่ซับซ้อน จนอาจจะไม่คุ้มค่าถ้าต้องทำเองทั้งระบบ
ถ้าเราลองคิดเล่น ๆ สมมติว่าธุรกิจค้าปลีกแห่งหนึ่งมี SKU สินค้าที่ 5,000 ชิ้น
แล้วต้องการนำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ทั้งหมด
เจ้าของธุรกิจก็ต้องเสียเวลามานั่งอัปโหลดรายละเอียดของสินค้า, เฝ้าติดตามยอดขาย, เช็กสต็อก
ของสินค้าหลายพันชิ้นด้วยตัวเอง
นี่ยังไม่นับเรื่องของการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ที่เป็นตัวตัดสินว่าธุรกิจจะอยู่รอดหรือไม่ในระยะยาวอีกด้วย
เพื่อแก้ Pain Point ตรงนี้ BUZZEBEES (บัซซี่บีส์) แพลตฟอร์มสัญชาติไทย ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและยอดขายจึงเกิดขึ้นมา
โดย BUZZEBEES ถือเป็นบริษัทที่ให้บริการ CRM & Digital Engagement Platform ครบวงจร ดังนี้
1. พัฒนา Loyalty Platform ครบวงจร โดยปรับให้เหมาะสมกับทุกธุรกิจ
2. ช่วยดูแลระบบ E-commerce หลังบ้านของแบรนด์ต่าง ๆ ตั้งแต่สร้างร้าน ไปจนถึงแพ็กสินค้า
3. ช่วยจัดหาของรางวัลในการทำ CRM กับลูกค้าของแบรนด์ต่าง ๆ
4. บริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน Retail Solution & e-Payment เพื่อธุรกิจ SME
และแม้ชื่อของ BUZZEBEES อาจจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูใครหลายคน เพราะเป็นแบรนด์ที่เน้นทำธุรกิจแบบ B2B มากกว่า
แต่ถ้าให้พูดรายชื่อลูกค้าของ BUZZEBEES หลายคนก็น่าจะร้อง “อ๋อ” กันเลยทีเดียว
เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของ BUZZEBEES ล้วนแต่เป็นองค์กรชั้นนำทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Citi, Dtac, Nestlé, Megabangna และ ExxonMobil
สิ่งที่น่าคิดคือ BUZZEBEES ทำอย่างไรให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรระดับชั้นนำของประเทศ เลือกมาใช้บริการ
แถมยังยืนระยะได้มาเป็น 10 ปี โดยที่สามารถให้บริการลูกค้าขนาดใหญ่กว่า 350 องค์กร และธุรกิจ SME ได้กว่า 6,000 จุด ?
เรื่องนี้ คุณไมเคิล เชน แห่งบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด ได้บอกว่า
ในช่วงการเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มออนไลน์ หลายคนมักจะมีแนวคิดเรื่องของการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีด้วยตัวเองทั้งหมด
ซึ่งต้องใช้งบประมาณมหาศาล แถมยังขยายโครงสร้างเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตลำบาก
แต่แพลตฟอร์ม BUZZEBEES เลือกจะไม่ทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก เพราะเห็นว่าในอนาคตจำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นมหาศาล
แถมทั้งหมดยังมาจากอุปกรณ์ที่ต่างกัน ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก ถ้าจะเลือกวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเอง
BUZZEBEES จึงเป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ ในประเทศไทยที่เลือกสร้างระบบขึ้นบนคลาวด์ Azure จากค่าย Microsoft ที่มีส่วนแบ่งในตลาดคลาวด์ มากเป็นอันดับ 2 ของโลก..
แล้วอะไรคือจุดเด่นของ Azure ที่ทำให้ BUZZEBEES ไว้วางใจ ?
MarketThink จะสรุปให้ฟัง
อย่างแรก Azure มีความปลอดภัยมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด
โดยข้อมูลของลูกค้าที่อยู่บน Azure จะถูกเก็บรักษาด้วยการเข้ารหัสแบบ End-to-end ที่จะป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก
ที่สำคัญคือ Microsoft Azure เป็นเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถผ่าน Penetration Test หรือการประเมินความเสี่ยงของระบบภายในของบริษัทต่าง ๆ ได้มากที่สุดในตอนนี้
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นจากการที่ Microsoft Azure ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลที่ทุกองค์กรใช้อ้างอิง เช่น ISO27001, CSA STAR, ISO 9001 และอีกมากมาย
ต่อมาคือ Azure มีโซลูชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น ตามงบประมาณได้
คุณไมเคิล บอกว่า หลังจากทีมงานได้พิจารณาตัวเลือกของผู้ให้บริการคลาวด์ในประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขเดียวกันแล้ว
พบว่า Azure มีตัวเลือกที่ค่อนข้างยืดหยุ่น เพราะมีแพ็กเกจให้เลือกสมัครใช้งาน
จึงเหมาะกับบริษัทขนาดเล็ก ที่มีพนักงานหลักสิบคน ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานหลายร้อยคน
ซึ่ง BUZZEBEES เองก็เลือกใช้บริการกับ Azure ในรูปแบบของ Enterprise Agreement (EA) ที่เหมาะสำหรับธุรกิจองค์กรเอกชนขนาดใหญ่
โดยตัวเลือกนี้ BUZZEBEES จะได้บริการครอบคลุมทั้งรูปแบบ On-cloud และ On-premises หรือระบบโครงสร้างทาง IT ที่ติดตั้งเองภายในองค์กรในแบบ Commitment-based
ที่สำคัญคือมีราคาที่ถูกกว่าเป็นเท่าตัว..
อย่างสุดท้ายคือ ระบบคลาวด์ของ Azure รองรับการใช้งานจากผู้ใช้จำนวนมากพร้อมกันได้
แพลตฟอร์ม BUZZEBEES เป็นแพลตฟอร์ม ที่มีผู้ใช้งานได้จำนวนมากถึง 20,000 คนต่อวินาที ซึ่งหมายถึงปริมาณข้อมูลโหลดที่มหาศาล
ดังนั้นคลาวด์ที่ BUZZEBEES เลือกจะต้องแข็งแกร่งและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ชนิดที่ว่าต้องมีอัปไทม์ระดับ 99.95% ก็ต้องรับไหว และก็แน่นอนว่า Azure ทำได้แบบไม่มีปัญหา..
มาถึงตรงนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมการที่ BUZZEBEES เลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับ Microsoft
ถึงสามารถดึงดูดลูกค้าที่เป็นองค์กรชั้นนำระดับประเทศได้มากถึง 350 องค์กร และสร้างความมั่นใจให้บริการแก่ธุรกิจ SME กว่า 6,000 จุดทั่วไทยได้สำเร็จ
โดยปัจจุบัน BUZZEBEES มีผู้ใช้งานอยู่ที่ 145 ล้านบัญชี
และมีการให้บริการที่ตลาดต่างประเทศอีก 6 ประเทศ..
เรื่องราวของ BUZZEBEES และ Microsoft ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
โดยสะท้อนให้เห็นว่าการเลือกพาร์ตเนอร์ที่ดี และพร้อมจะพาธุรกิจของเราเติบโตไปข้างหน้านั้น สำคัญมากแค่ไหน
ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์แบบทุกวันนี้ การเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ในการเก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของบริษัท จึงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจเลย
สุดท้าย ถ้าใครอยากเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมของ BUZZEBEES สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.buzzebees.com
หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการต่าง ๆ ได้ที่เบอร์ 02-645-1212
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.