ถอดความสำเร็จ “แม่สุนีย์ ขนมไทย” แบรนด์ขนมไทย ใน 7-Eleven จากยอดขายไม่กี่ล้าน สู่มากกว่า 200 ล้าน/ปี

ถอดความสำเร็จ “แม่สุนีย์ ขนมไทย” แบรนด์ขนมไทย ใน 7-Eleven จากยอดขายไม่กี่ล้าน สู่มากกว่า 200 ล้าน/ปี

30 พ.ค. 2023
หากเอ่ยชื่อ “แม่สุนีย์ ขนมไทย” เชื่อว่าสาวกขนมไทยในร้าน 7-Eleven คงรู้จักเป็นอย่างดี
เพราะเป็นผู้ที่ยกระดับขนมไทย ให้ดูพรีเมียมและมี Value มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ขนมกล้วย กล้วยปิ้งน้ำตาลมะพร้าว เต้าส่วนทรงเครื่อง เปียกปูนดอกไม้ ฯลฯ ภายใต้ชื่อ EZY SWEET ซึ่งถือเป็นอีกสินค้าดาวเด่นในร้าน 7-Eleven
ในแง่ของการเติบโต “แม่สุนีย์ ขนมไทย” ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะจากผู้ประกอบ SME ขนาดเล็ก ที่มียอดขายเพียงปีละไม่กี่ล้านบาท สู่ผู้ประกอบการ SME ที่มียอดขายทะลุ 200 ล้านบาทต่อปี
บริษัท เจ เอช แอนด์ สโนว์ กรุ๊ป จำกัด
ปี 2563 มีรายได้ 188 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้ 190 ล้านบาท กำไร 3 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้ 260 ล้านบาท กำไร 23 ล้านบาท
เพราะอะไร ขนมพื้นบ้านที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงสามารถสร้างยอดขายได้ปีละหลักร้อยล้านบาท
และอะไรคือสิ่งที่ทำให้ “แม่สุนีย์ ขนมไทย” เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง คงเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้..
1) ใส่ใจ “นวัตกรรม” ให้ความสำคัญ “บุคลากร”
คุณก้อง-ก้องปพัฒน์ เรืองจินดาชัยกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ เอช แอนด์ สโนว์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ “แม่สุนีย์ ขนมไทย” และผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ EZY SWEET กล่าวว่า
หัวใจสำคัญของขนมไทย คือ การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และรักษารสชาติให้ได้มาตรฐานเดียวกันในทุกถ้วย นับตั้งแต่วันแรกที่ออกจากไลน์ผลิต จนครบกำหนด Shelf Life
สิ่งที่จะช่วยรักษาคุณภาพมาตรฐานเหล่านี้ได้ คือ “นวัตกรรม” เพราะนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความต่างและความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า และเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนของ SME
“เราให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมอย่างมากในทุกขั้นตอนการผลิต เช่น กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบก็ต้องใช้เครื่องตรวจรับ เพื่อให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ เพื่อลดความเสียหายจากวัตถุดิบที่ไม่ได้มาตรฐาน
ขณะที่กระบวนการจัดเก็บ ก็ต้องจัดเก็บในพื้นที่ควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพวัตถุดิบให้สดใหม่ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต
เราลงทุนพัฒนาเครื่องจักร เพื่อช่วยเพิ่มนวัตกรรมในขั้นตอนเหล่านี้ไปมากกว่า 40 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อช่วยลดต้นทุน และเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานสินค้าสดใหม่เหมือนผลิตในวันแรก”
อีกเรื่องหนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญควบคู่กัน คือ การดูแลและพัฒนาบุคลากร ซึ่งถือเป็น “ซอฟต์แวร์สำคัญ” ขององค์กร
ทั้งในเรื่องสวัสดิการ และการเพิ่มขีดความสามารถ หรือ Upskill ในเรื่องของเทคโนโลยี ตลอดจนระบบงานหลังบ้านต่าง ๆ
หากบุคลากรมีความเป็นอยู่ที่ดี และมีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กัน ถือเป็นการช่วยการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับบริษัทในอนาคต
2) “พันธมิตรดี” ช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโต
การที่บริษัทเป็นเพียงผู้ประกอบการขนาดเล็ก การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ต้องอาศัยพันธมิตรที่ดีช่วยในทุกช่วงการดำเนินงาน นับตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง
โดยบริษัทจะรับซื้อวัตถุดิบจากเครือข่ายพันธมิตรเกษตรกรในพื้นที่และนอกพื้นที่ ที่มีการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของบริษัท เพื่อให้มั่นใจได้ว่าขนมทุกถ้วยและทุกกล่อง ที่ถูกส่งถึงมือผู้บริโภค จะผลิตจากวัตุดิบชั้นดีมีคุณภาพ
ขณะเดียวกัน ด้านการตลาดนั้นยิ่งต้องมีพันธมิตรที่ดีค่อยช่วยสนับสนุนและส่งเสริมอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ข้อมูลที่จำเป็นในการขยายตลาด ตลอดจนองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“หากเป้าหมายของ SME คือ การสร้างการเติบโตด้านยอดขาย และอยากให้สินค้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ SME ต้องมองหาคือ พันธมิตรที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ และมีองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ที่จะนำมาช่วยพัฒนาสินค้า เสริมศักยภาพการแข่งขัน
ซึ่งบริษัทก็มีเป้าหมายเช่นนั้น จึงเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับร้าน 7-Eleven จนเกิดมาเป็นสินค้าร่วมพัฒนาภายใต้แบรนด์ EZY SWEET
โดยสินค้าตัวล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายคือ เยลลี่บ๊วยน้ำมะนาว เจาะกลุ่มลูกค้าตั้งแต่วัยประถมขึ้นไป ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่สู่กลุ่ม Gen Z จากเดิมกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่ม Gen X, Gen Y และ Baby Boomer ที่มีความคุ้นเคยกับสินค้าอยู่แล้ว”
3) ส่งต่อโอกาสสู่ชุมชน เดินหน้าโรงงานสีขาว
การเติบโตเพียงลำพัง อาจทำให้ไม่มั่นคงและยั่งยืน บริษัทจึงส่งต่อโอกาสที่เคยได้รับกลับสู่ชุมชนในทุกมิติ เช่น สร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรที่บริษัทรับซื้อสินค้าเกษตรมากกว่า 55 ล้านบาทต่อปี เกิดการจ้างงานในพื้นที่มากกว่า 300 คน
รวมทั้งเดินหน้าสร้างโรงงานสีขาว เพื่อลดขยะ ลดการใช้พลังงาน ลดมลภาวะ เช่น การมอบเศษวัตถุดิบเหลือใช้ให้กับชาวบ้านเพื่อนำไปเลี้ยงสัตว์ ฟรี
ในอนาคตโรงงานกำลังติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อลดการใช้พลังงาน และมีระบบการจัดการขยะ-บำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน
จากเส้นทางการดำเนินธุรกิจตามที่ คุณก้อง เล่าให้ฟังนั้น ถือเป็นตัวอย่าง SME โตไกลไปด้วยกัน
ที่นำสินค้าท้องถิ่นมาสร้างความโดดเด่นด้วยนวัตกรรม ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่ทำให้ “แม่สุนีย์ขนมไทย” เติบโตได้อย่างต่อเนื่องคือ การให้ความสำคัญและใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการทำงาน ไม่หยุดที่จะเดินหน้าพัฒนาในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ เช่น 7-Eleven ในการเป็นช่องขายที่สำคัญ
และไม่ลืมที่จะส่งมอบโอกาสกลับสู่สังคม และชุมชน..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.