TOSHIBA ประเทศไทย ตั้งเป้าโต 15% ชู 3 กลยุทธ์ รุกตลาดหนักครึ่งปีหลัง เปิดตัวสินค้าใหม่ 39 รุ่น

TOSHIBA ประเทศไทย ตั้งเป้าโต 15% ชู 3 กลยุทธ์ รุกตลาดหนักครึ่งปีหลัง เปิดตัวสินค้าใหม่ 39 รุ่น

22 ส.ค. 2023
ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ประเทศไทยในปี 2566 ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตประมาณ 14%
โดยผลิตภัณฑ์ที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ที่เติบโตสูงถึง 36%
เนื่องจากในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอากาศร้อนมาก และร้อนยาว
นอกจากนี้ เครื่องทำน้ำอุ่น เติบโต 15% หม้อหุงข้าว 6%
ในขณะที่ไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ติดลบ
อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไม่นับเครื่องปรับอากาศ ภาพรวมตลาดจะทรงตัว
สำหรับผลประกอบการของโตชิบา ไทยแลนด์ ในครึ่งปีแรก
บริษัทฯ เติบโตเกินคาด โดยโตมากถึง 15% (ไม่นับรวมเครื่องปรับอากาศ) โดยโตขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และหม้อหุงข้าว เมื่อเทียบกับปี 2565
ซึ่งในสินค้าทุกกลุ่มนี้ แบรนด์โตชิบา จะติดอันดับท็อป 3 ทั้งหมด โดยเฉพาะในปีนี้
เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ ไต่ลำดับขึ้นมาได้ดีมาก จนกลายเป็นแบรนด์ที่มีมาร์เก็ตแชร์ เป็นที่ 1 ของตลาดไมโครเวฟ
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ เติบโตกว่าตลาด เพราะบริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงกลุ่ม
ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ เปิดตัวสินค้าใหม่ไป 31 รุ่น ทั้งเป็นรุ่นที่ทดแทนรุ่นเดิม และขยายกลุ่มสินค้าใหม่ โดยเน้นการเจาะสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น เน้นฟังก์ชัน IOT เพื่อให้รับกับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่
นอกจากการขยายไลน์อัปสินค้า ช่องทางการขายก็เป็นหัวใจหลักที่ทำให้โตมากขึ้น นอกจากการเน้นการเพิ่มจำนวนสาขาแล้ว บริษัทฯ ยังเลือกเน้นสาขาที่ขายสินค้ากลุ่มไฮเอนด์เพิ่มขึ้น
และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การทำแคมเปญส่งเสริมการขายต่าง ๆ ให้โดนใจ และเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคยิ่งขึ้น
รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ในสินค้าใหม่ ๆ ทั้งผ่านทางผู้เชี่ยวชาญของบริษัท ณ จุดขาย และการให้ KOL รีวิว เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจและเชื่อมั่นยิ่งขึ้น
สำหรับแผนครึ่งปีหลัง โตชิบา ตั้งเป้าเติบโต 15% โดยวางกลยุทธ์หลักทั้งในเรื่อง
1. การออกสินค้าใหม่อีก 39 รุ่น
เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ดิไซน์ รวมไปถึงราคา
โดยแบ่งเป็นตู้เย็น 21 รุ่น เครื่องซักผ้า 4 รุ่น หมวดเครื่องครัว 6 รุ่น และเครื่องใช้ในบ้านอีก 8 รุ่น
2. ขยายช่องทางการขายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยมีแผนเพิ่มจำนวนไลน์อัปสินค้าเข้าร้านค้าอีก 10% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า Mid to High
ส่วนแคมเปญใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซในช่วง 11.11 และ 12.12
บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 30% โดยทุ่มงบเพิ่ม 20% สำหรับกระตุ้นการขายและตอบแทนลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าว
และเตรียมพร้อมสำหรับเพิ่มไลน์สินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า Exclusive ที่มีขายเฉพาะในช่องทางออนไลน์เท่านั้น เพื่อไม่ให้แย่งตลาดกับช่องทางอื่น
อีกส่วนหนึ่งที่โตชิบาให้ความสำคัญมากขึ้น คือโครงการ Partner Synergy เป็นความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับคู่ค้าในการร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจผู้บริโภคที่สุด
3. การตลาด
ที่บริษัทฯ ยังคงทำต่อเนื่อง ทั้งการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งออนไลน์ เช่น โซเชียลมาร์เก็ตติ้งแคมเปญ, การใช้ KOLs และออฟไลน์ เช่น บิลบอร์ด, แอลอีดีบอร์ด, รถไฟฟ้า, รถสาธารณะ
เพื่อให้เกิดการรับรู้และความเชื่อมั่น ทั้งในลูกค้าที่เป็นฐานเดิมของโตชิบา รวมไปถึงฐานลูกค้าใหม่ที่ Young Gen ยิ่งขึ้น
สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง โตชิบา ทุ่มงบการตลาดมากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร โดยยังคงมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย
อีกทั้งบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองได้สัมผัสสินค้าจริง มีการทำโรดโชว์ทั่วประเทศต่อเนื่องทุกเทศกาล ทั้ง ณ ร้านค้าจุดขาย รวมถึงตามสถานที่ชุมชนทั่วไป
และสุดท้ายคือ การให้ความสำคัญกับช่องทางขาย ที่บริษัทฯ ใส่ใจตั้งแต่การปรับปรุงหน้าร้านให้สวยงาม และภาพลักษณ์ดูพรีเมียมขึ้น
พร้อมบริการการทำแคมเปญส่งเสริมการขายให้คู่ค้า รวมไปถึงการพัฒนาทักษะต่อเนื่องให้กับพนักงานขาย เพื่อสามารถให้ข้อมูลและบริการลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.