เปิดมุมมองแม่ทัพใหญ่ KBTG ชู M.A.D. อาวุธสำคัญในการ ก้าวสู่ผู้นำ ในยุค “AI-First”

“AI จะทำให้โลกเปลี่ยนโฉมไปตลอดกาล” ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงอีกต่อไป
เมื่อโลกของเรา กำลังเปลี่ยนผ่านจากยุค Mobile-First สู่ AI-First

หรือพูดง่าย ๆ คือ โลกของเรากำลังเปลี่ยนจากยุค ที่ทุกอย่างเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ
ไปสู่ยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายมาอยู่เบื้องหลังแทบทุกสิ่งทุกอย่าง

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หลัง ๆ มานี้ เราจะเห็นว่า มีหลายธุรกิจเริ่มทรานส์ฟอร์มตัวเองเข้าสู่ AI-First Company หรือ​บริษัทที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจเป็นหลัก
รวมถึง KBTG หรือ บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป

ขุมกำลังสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนและสร้างนวัตกรรมให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นมากกว่าธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิม (Beyond Banking Innovation) แต่พร้อมก้าวสู่ “ธนาคารอัจฉริยะ” (Cognitive Banking)

หลายคนอาจจะสงสัยว่า การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างไร ?
สุดท้ายแล้ว AI จะเข้ามาแทนที่คนหรือไม่ ?

MarketThink ชวนไปหาคำตอบกับคุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)

คุณกระทิงเริ่มต้นด้วยคำถามที่น่าสนใจว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากโลกใบนี้ ขับเคลื่อนด้วย AI ?

“เมื่อโลกเข้าสู่ยุค Exponential การเปลี่ยนแปลงในอีก 10 ปีข้างหน้า จะก้าวกระโดดมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ​

ใครจะรู้ว่า อีก 10 ปีข้างหน้า เราอาจจะเห็นรุ่นลูกของเรา สามารถออกแบบยานอวกาศ ตัดต่อยีน หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่คนรุ่นเราไม่มีทางทำได้ ด้วย AI”

สิ่งที่จะเกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า โลกของเราได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนผ่านจากยุค Mobile-First มาสู่ยุค AI-First

ซึ่งถ้าถามว่า KBank และ KBTG มีความพร้อมแค่ไหนกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
คำตอบคือ พร้อมมาก ที่จะก้าวสู่การเป็น “AI-First Banking”

เพราะในยุค Mobile-First ธนาคารกสิกรไทย และ KBTG ถือเป็นผู้นำในโลกของการเงินการธนาคาร

พิสูจน์ได้จาก ความสำเร็จของแอปพลิเคชัน K PLUS ที่ขึ้นแท่นเป็น Mobile Banking อันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านคน
รองรับธุรกรรมทางการเงินมากกว่า 23 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าขนาด GDP ของประเทศไทย

ขณะที่ KBTG เองได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นบริษัท AI-First ​มาตั้งแต่ปี 2019 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน
โดยที่ผ่านมา ได้มีการวางรากฐานในการเข้าสู่ยุค “AI-First”
ด้วยการทำ Data-Driven Transformation, Automation-First Transformation และ AI-First Transformation

“สูตรสำเร็จของเรา ไม่ใช่ความแตกต่าง แต่เกิดจาก​สิ่งที่เรียกว่า M.A.D.
ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่าง Machine Learning, AI และ Data เข้าด้วยกัน”

เริ่มจาก M - Machine Learning
เรามีการนำ Machine Learning มาใช้ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับบริการสินเชื่อ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับความต้องการของลูกค้า การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และโปรโมชันให้กับลูกค้าได้ตรงตามความต้องการ

A - Artificial Intelligence (AI)
เรานำ AI มาใช้กับกระบวนการตรวจสอบ และยืนยันตัวตนต่าง ๆ ของธนาคาร
โดย KBTG เป็น 1 ใน 3 บริษัททั่วเอเชีย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกอย่าง iBeta และ NIST

รวมถึงระบบ Chatbot ที่ทำหน้าที่เป็นคอลเซนเตอร์ ที่ให้ความช่วยเหลือ และให้บริการต่าง ๆ กับลูกค้าของธนาคาร
ไม่เพียงช่วยลดเวลาให้ลูกค้าได้มากกว่า 300,000 ชั่วโมง แต่ยังลดต้นทุนได้ราว 1.3 แสนล้านบาทต่อปี ​

นอกจากนี้ KBTG ยังเป็นบริษัทไทยแห่งแรก ที่ร่วมมือกับ MIT Media Lab ในการวิจัยและพัฒนาต่อยอดงานด้าน AI ซึ่งตอนนี้เปิดตัวมาแล้ว 2 ผลงาน ได้แก่

- Future You แพลตฟอร์ม AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนากับ Digital Twin ของตัวเองในอนาคต ผ่านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (GPT)

- คู่คิด by K-GPT หรือ Generative AI เวอร์ชันภาษาไทย
ที่สามารถตอบคำถามและแนะนำแนวทางต่าง ๆ โดยผลลัพธ์ที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบกลับได้ เสมือนเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ถามพร้อม ๆ กัน

นอกจากนี้ยังมีการทำวิจัยเกี่ยวกับ AI และตีพิมพ์ผลงานวิจัยจำนวนมากในวารสารงานวิจัยระดับโลกและในหนังสือพิมพ์ อาทิ งานวิจัยที่ศึกษามนุษย์กับ AI และศึกษาบทบาทของ AI ในประสาทวิทยาศาสตร์

สุดท้าย คือ D - Data
KBTG ได้พัฒนาศักยภาพด้าน Data โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ด้วยการสร้าง AI ที่มีความสามารถในการอธิบายความ พร้อมสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการสร้างนวัตกรรม

นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับเมืองไทยประกันชีวิต นำ AI มาพัฒนา InsurTech ตรวจสภาพรถยนต์ด้วย AI เจ้าแรกในไทย พร้อมจับมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย จัดทำโครงการ KBTG Kampus เพื่อสร้าง AI Literacy

จะเห็นว่า ด้วยการวางรากฐานทั้ง 3 ด้าน ทำให้ KBank และ KBTG พร้อมที่ก้าวไปอีกขั้นอย่างมั่นคง

โดยคุณกระทิง ฉายภาพให้เห็นด้วยว่า ในอนาคต มีแผนที่จะนำ AI ไปใช้ในทุกกระบวนการทำงาน และในทุก ๆ งานของ KBTG

ยกตัวอย่างเช่น การนำ​ AI ไปใช้ในการให้คำปรึกษาด้านการเงินส่วนบุคคล
ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะลูกค้า Wealth แต่ลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงได้
รวมถึงผู้ประกอบการในอนาคต อาจจะมี AI CFO เป็นที่ปรึกษา

หรือในแง่การให้บริการ ในอนาคตจะมีการนำ AI มาใช้ออกแบบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า
รวมไปถึงการนำ Generative AI มาช่วยในการประมวลผลข้อมูล เพื่อหาอินไซต์และการเข้าถึงความรู้ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนและการวิเคราะห์

ทั้งนี้ ปัจจุบัน KBTG มีผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI จำนวนมากที่พร้อมออกสู่ตลาด เช่น AINU, Asset Intelligence, CCTV Analytics, K NLP และ Car AI ที่ทาง KBTG ได้คว้ารางวัล Asian Technology Excellence Awards 2023 สาขา AI ด้าน Car AI​ ในปีนี้ ด้วยการนำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าของธุรกิจ ช่วยลดทั้งต้นทุน เวลา และ Human Bias

https://asianbusinessreview.com/event-news/inspect-and-assess-intelligence-thanks-kbtg-labs

ปิดท้ายด้วยคำถามที่คาใจหลายคนว่า สุดท้ายแล้ว AI จะมาแทนที่คนหรือไม่ ?

คุณกระทิง ตอบอย่างน่าสนใจว่า AI จะไม่ได้เข้ามาแทนที่คน แต่จะช่วยให้ “Productivity” ของมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะมาช่วยกัน Co-Imagine จินตนาการถึงโลกอนาคตที่เป็น AI-First เพื่อ Co-Exploring ร่วมกันค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ของโลกอนาคต ที่เป็น AI-First และ Co-Thinking ช่วยคิดและแก้ปัญหา และช่วยกันใช้ AI เปลี่ยนแปลงโลกไปด้วยกัน