กรณีศึกษา Lotus’s ทำอย่างไร ถึงกลายเป็นห้างค้าปลีก ที่อยู่คู่คนไทย มานานกว่า 30 ปี

กรณีศึกษา Lotus’s ทำอย่างไร ถึงกลายเป็นห้างค้าปลีก ที่อยู่คู่คนไทย มานานกว่า 30 ปี

27 ก.ย. 2023
28 ตุลาคม พ.ศ. 2537 คือวันที่โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาแรก เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
นั่นหมายความว่า ในปีนี้ เป็นปีที่แบรนด์ “โลตัส” มีอายุครบ 29 ปี และกำลังเดินหน้า ก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 อย่างเต็มตัว
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในโลกของการสร้างแบรนด์ เป็นที่รู้กันดีว่า การที่โลตัส กลายเป็นแบรนด์ห้างค้าปลีก ที่คนไทยนึกถึง เป็นชื่อแรก ๆ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่าย ท่ามกลางการแข่งขัน ที่มีอย่างดุเดือด
ในบทความนี้ MaketThink จะพาไปเจาะลึก ว่าโลตัส สร้างแบรนด์อย่างไร ให้เข้าไปอยู่ในใจคนไทยได้ ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา
หากจะอธิบายเรื่องนี้ได้ ต้องพาไปย้อนรอยกันก่อนว่า ในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมานั้น เราได้เห็น “กลยุทธ์” การทำธุรกิจอะไร ที่น่าสนใจจากโลตัสบ้าง ?
กลยุทธ์แรกที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อนึกถึงแบรนด์โลตัส ก็คือ กลยุทธ์ทางด้านสินค้าและราคา
หากเราเดินเข้าไปในโลตัส นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 30 ปีก่อน ก็จะรู้สึกได้ทันทีว่า โลตัส เป็นห้างค้าปลีก ที่รวบรวมสินค้าหลากหลายรายการ ครอบคลุมทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ของใช้ภายในบ้าน อาหารสด ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น
โดยที่สินค้าเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และมีกลยุทธ์ในการตั้งราคาที่ให้ความสำคัญกับความ “คุ้มค่า” ของผู้บริโภคเป็นหลัก
รวมถึงปัจจัยทางด้านการตลาด ที่โลตัส เป็นห้างค้าปลีก ที่ประสบความสำเร็จกับการปั้นแคมเปญตัดและตรึงราคาสินค้าอย่างล้นหลาม จนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน “ตำนาน” ของธุรกิจห้างค้าปลีกของไทย เลยก็ว่าได้
ทั้งแคมเปญ “โรลแบ็ค” ที่โลตัสนำสินค้าอุปโภค บริโภคต่าง ๆ ที่คนไทยจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน มาจัดโปรโมชัน ลดราคาลง
และแคมเปญราคามหาชน ที่ตรึงราคาสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ให้คนไทยอย่างต่อเนื่องยาวนาน และลดราคาสินค้า ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนักเพื่อเคียงข้างคนไทย
ซึ่งจากกลยุทธ์ที่โลตัสใช้นี้ จึงทำให้แบรนด์ของโลตัส เข้าไปอยู่ในใจ ของผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมาก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นอกจากนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2564 โลตัสยังได้ทำการ “รีแบรนด์” ครั้งใหญ่ ในรอบกว่า 23 ปี กลายเป็นโลตัส (Lotus’s) อย่างที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้
ซึ่งการรีแบรนด์ในครั้งนั้น ทำให้โลตัส มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย สดใส เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
รวมถึงเรายังได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ของโลตัส ตามมาอีกมากมาย
เช่น การปรับปรุงพื้นที่ภายในแต่ละสาขา การนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอย ของผู้บริโภคชาวไทย
มีพื้นที่ที่ตอบสนองการใช้ชีวิต และความต้องการของคนในพื้นที่ ซึ่งแตกต่างกันไป ตามที่ตั้งของโลตัสในแต่ละสาขา
ชูจุดแข็งการเป็นจุดหมายปลายทาง ด้านอาหาร และอาหารสดคุณภาพสูง (Inspiring Fresh & Food Destination) มีสินค้าที่มีคุณภาพ ทั้งสินค้านำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก และสินค้าที่ดีที่สุด จากทุกแหล่งในประเทศไทย
รวมถึงที่น่าจับตามองมากที่สุดในธุรกิจห้างค้าปลีก ก็คือ การเปิดแบรนด์ใหม่ ที่ชื่อว่า “โลตัส พรีเว่” (Lotus’s Privé) เป็นการต่อยอดความสำเร็จ และสร้างความแตกต่าง จากแบรนด์โลตัส ที่มีอยู่เดิม
ด้วยการวางตำแหน่ง ให้โลตัส พรีเว่ เป็นห้างค้าปลีกที่รวบรวมสินค้าระดับพรีเมียม แต่ยังคงมีการตั้งราคาที่เข้าถึงได้ เช่นเดิม
นอกจากนี้ แคมเปญการตลาด ของโลตัส ในช่วงการเฉลิมฉลอง การก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของโลตัส ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
หากใครได้ติดตามบัญชีโซเชียลมีเดีย ของแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคชื่อดัง ทั้งไทยและต่างประเทศ ก็จะพบว่า ในช่วงนี้หลาย ๆ แบรนด์ ได้มีการทำแคมเปญการตลาด ร่วมกับโลตัสเป็นจำนวนมาก
โดยมีการโพสต์เชิญชวนให้ลูกค้าของแบรนด์ต่าง ๆ ร่วมเฉลิมฉลอง ในโอกาสที่โลตัส กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 พร้อมกับกระตุ้นให้ติดตามโปรโมชันพิเศษ ไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่งแบรนด์ที่ร่วมทำแคมเปญการตลาด ร่วมกับโลตัส มีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 100 แบรนด์..
ที่สำคัญคือ ทุกแบรนด์ ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จัก และใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น
- นีเวีย
- เบบี้มายด์
- Parrot Natural
- แม๊กซ์โม่
- คลีเน็กซ์
- ลิสเตอรีน
- เอส โคล่า
- ลอรีเอะ
- มาจิคลีน
- แอทแทค
ซึ่งหากถามว่า เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ก็ต้องบอกว่า แคมเปญการตลาดนี้ เป็นแคมเปญการตลาดที่ไม่ธรรมดาเลย
เพราะเป็นแคมเปญการตลาด ที่ต้องอาศัยความร่วมมือ ระหว่างโลตัสกับพาร์ตเนอร์
ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำ ทั้งไทย และต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 แบรนด์ ในการทำแคมเปญการตลาดที่ว่านี้ร่วมกัน
หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการ Collaboration Marketing นั่นเอง
แสดงให้เห็นถึง “จุดแข็ง” ในการทำแคมเปญการตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่โลตัส มีความถนัดมาอย่างยาวนานหลายสิบปี โดยเฉพาะแคมเปญการตลาด ที่สร้างประโยชน์ ด้านความคุ้มค่า คุ้มราคา ให้กับผู้บริโภค
และมักสร้างความแตกต่าง ให้กับแคมเปญการตลาด ในธุรกิจห้างค้าปลีก อยู่เสมอ
รวมถึงเป็นการจุดกระแส เพื่ออุ่นเครื่องให้คนทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ได้รู้ถึงแคมเปญการตลาด ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในโอกาสที่โลตัส กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 30
นอกจากแคมเปญการตลาด ของโลตัส กับแบรนด์ต่าง ๆ ที่เราได้เห็นกันบนโซเชียลมีเดีย
โลตัส ยังมีแคมเปญ “คุ้มมโหฬาร สู่ปีที่ 30 ลด ล้น ล้าน” มอบส่วนลดให้ลูกค้าของโลตัส 3 ต่อ
- ต่อที่ 1 “ลด” ราคาสินค้ามากที่สุดในรอบปี
มีทั้งของกิน ของใช้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
- ต่อที่ 2 “ล้น” โลตัสคอยน์ มีค่าล้น 30 เท่า
1 โลตัสคอยน์ แลกรับส่วนลด 30 บาท ใช้ได้ทั้งในส่วนของห้าง และร้านค้า
- ต่อที่ 3 “ล้าน” รับเพิ่ม 30 โลตัสคอยน์ เมื่อซื้อครบ 299 บาท หรือ 199 บาท
กับกองทัพสินค้าแบรนด์ดังที่ฉลองร่วมกับโลตัสยิ่งใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมรับโลตัสคอยน์คูณ 3 เมื่อช็อปผ่าน Lotus’s SMART App หรือจ่ายผ่าน TrueMoney Wallet
ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ถึง 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ หรือซื้อสินค้าออนไลน์ ผ่าน Lotus’s SMART App
เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา โลตัส ได้กลายเป็นแบรนด์ห้างค้าปลีก ที่เข้าไปอยู่ในใจคนไทย ก็เพราะความพยายามในหลากหลายด้าน ทั้งในด้านแคมเปญการตลาด การจัดโปรโมชัน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
และที่สำคัญที่สุด ก็คือ ความพยายามในการปรับตัว ที่ไม่หยุดนิ่ง เพื่อรับกับพฤติกรรมของคน ที่เปลี่ยนแปลงไป ในแต่ละยุคสมัย..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.