
สรุปไอเดียการตลาด ธุรกิจ-ร้านค้าเล็ก ๆ ทำอย่างไร ให้ติดหน้าแรกบน Google
16 ส.ค. 2025
บางคนอาจจะเคยเห็นคลินิกชื่อแปลก ๆ เช่น คลินิกเวชกรรมใกล้ฉัน หรือร้านอาหารไทยที่ใช้ชื่อว่า Thai Food Near Me เหมือนรูปประกอบบทความนี้
ถึงชื่อธุรกิจเหล่านี้ อาจดูแปลกในสายตาใครหลายคน
แต่รู้ไหมว่า นี่คือความลับที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถขึ้นหน้าแรกของการค้นหาใน Google Search ได้แบบเนียน ๆ
แต่รู้ไหมว่า นี่คือความลับที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถขึ้นหน้าแรกของการค้นหาใน Google Search ได้แบบเนียน ๆ
ซึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจของเราไปอยู่ในอันดับแรก ๆ ของการค้นหาบน Google แบบนี้คือ “การทำ Local SEO”
แล้ว Local SEO คืออะไร ?
ถ้าไม่ตั้งชื่อแบบนี้ ยังจะมีวิธีไหนที่ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ติดหน้าแรกใน Google Search ได้อีกบ้าง ?
ถ้าไม่ตั้งชื่อแบบนี้ ยังจะมีวิธีไหนที่ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ติดหน้าแรกใน Google Search ได้อีกบ้าง ?
Local SEO คือ การทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ในท้องถิ่น ได้รับการจัดอันดับการค้นหาที่ดีบน Google ซึ่งจะช่วยให้คนในพื้นที่มองเห็นธุรกิจมากขึ้น และเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้
หลาย ๆ คนที่ทำ SEO อาจจะเคยเจอปัญหาไม่สามารถทำให้ร้านเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นไปอยู่ในหน้าแรกของการค้นหาบน Google ได้ ทำให้สู้แบรนด์หรือร้านค้าใหญ่ ๆ ได้ยาก
ซึ่งหลักการของ Local SEO ก็คือ ทำให้คนในท้องถิ่นค้นหาร้านของเราเจอง่ายมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เราทำร้านอาหารสตรีตฟูด เป็นร้านอาหารตามสั่ง อยู่ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
ลูกค้าที่เราอยากได้ก็จะเป็นคนที่อยู่ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นส่วนใหญ่
ซึ่งธุรกิจที่เหมาะกับการทำ Local SEO ก็มีหลากหลายธุรกิจมาก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนาดเล็กแบบร้านอาหารสตรีตฟูด คาเฟสัตว์เลี้ยง คลินิก ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ระดับจังหวัดก็ทำได้เช่นกัน
ความสำคัญของกลยุทธ์ Local SEO ก็มีหลายอย่าง เช่น
- ช่วยสร้างฐานลูกค้า โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับธุรกิจ
- ช่วยเพิ่มยอดขายได้ จากลูกค้าขาจรหน้าใหม่ที่มาเดินทางท่องเที่ยวในท้องถิ่น
- ช่วยสร้าง Brand Awareness ทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์มากขึ้น
- ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้ ผ่านการรีวิวและให้คะแนน Rating
แล้วการทำ Local SEO เบื้องต้นต้องทำอย่างไร ?
1. สร้างบัญชี Google My Business และกรอกข้อมูลให้สมบูรณ์ พร้อมปักหมุดโลเคชันบน Google Maps
เพราะการทำ Local SEO มีความเกี่ยวข้องกับ Google My Business โดยตรง
ซึ่ง Google My Business เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถเพิ่มข้อมูลทางธุรกิจของตัวเองลงไป และข้อมูลธุรกิจนั้นก็จะปรากฏบน Google Search และ Google Maps
สมมติว่า เราทำธุรกิจคาเฟเล็ก ๆ ในย่านอ่อนนุช โดยธุรกิจได้สมัครบัญชี Google My Business แล้ว
หลังจากนั้นมีคนเซิร์ชหาข้อมูล เช่น “คาเฟย่านอ่อนนุช”
Google ก็จะค้นหาคาเฟที่อยู่ในย่านอ่อนนุช ซึ่งรวมถึงกิจการคาเฟของเราด้วย มาให้ผู้ค้นหาข้อมูล
Google ก็จะค้นหาคาเฟที่อยู่ในย่านอ่อนนุช ซึ่งรวมถึงกิจการคาเฟของเราด้วย มาให้ผู้ค้นหาข้อมูล
อย่างไรก็ตาม การทำ Local SEO จะมีประสิทธิภาพได้ เจ้าของธุรกิจจึงควรกรอกข้อมูลของธุรกิจให้เรียบร้อย เพื่อให้ลูกค้าที่ผ่านเข้ามาเจอ ได้เห็นข้อมูลธุรกิจทุกอย่างครบถ้วนชัดเจน
ตัวอย่างเช่น
- คำอธิบายธุรกิจ
- เวลาเปิด-ปิดทำการ
- แผนที่และหมุด Location
- รูปภาพและวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
- ช่องทางการติดต่อ (เบอร์โทรศัพท์ และเว็บไซต์)
- กระตุ้นให้ลูกค้ามาเขียนรีวิวและให้คะแนน Rating
- คำอธิบายธุรกิจ
- เวลาเปิด-ปิดทำการ
- แผนที่และหมุด Location
- รูปภาพและวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
- ช่องทางการติดต่อ (เบอร์โทรศัพท์ และเว็บไซต์)
- กระตุ้นให้ลูกค้ามาเขียนรีวิวและให้คะแนน Rating
2. ปรับปรุงเว็บไซต์ให้มี Local SEO Keyword มากขึ้น
Local SEO Keyword คือ การสร้าง Long-tail Keyword หรือคำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นประมาณ 2-3 คำ ที่จะทำให้ลูกค้าที่อยู่ใกล้ ๆ เห็นธุรกิจของเราก่อน และมีโอกาสที่เขาจะตัดสินใจซื้อทันที
ตัวอย่างเช่น
กรณีที่เราทำธุรกิจ ร้านขายยา
“ร้านขายยา” เป็นคีย์เวิร์ดหลักของการค้นหา แต่เราสามารถเพิ่มคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้ เช่น
“ร้านขายยา” เป็นคีย์เวิร์ดหลักของการค้นหา แต่เราสามารถเพิ่มคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้ เช่น
- ร้านขายยา + ชื่อย่าน
เช่น ร้านขายยา ลาดพร้าว, ร้านขายยา แถวบางนา, ร้านขายยา ย่านศาลาแดง
เช่น ร้านขายยา ลาดพร้าว, ร้านขายยา แถวบางนา, ร้านขายยา ย่านศาลาแดง
- ร้านขายยา + ชื่อจังหวัด + ชื่ออำเภอ (สำหรับธุรกิจในต่างจังหวัด)
เช่น ร้านขายยา เชียงใหม่ สันป่าตอง
เช่น ร้านขายยา เชียงใหม่ สันป่าตอง
- ร้านขายยา + ความเฉพาะเจาะจง
เช่น ร้านขายยาใกล้ฉัน (เหมือนตัวอย่างในภาพประกอบบทความ ที่บางร้านเลือกตั้งชื่อด้วยคีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจงเลย), ร้านขายยา เปิด 24 ชั่วโมง, ร้านขายยา เปิดวันอาทิตย์
เช่น ร้านขายยาใกล้ฉัน (เหมือนตัวอย่างในภาพประกอบบทความ ที่บางร้านเลือกตั้งชื่อด้วยคีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจงเลย), ร้านขายยา เปิด 24 ชั่วโมง, ร้านขายยา เปิดวันอาทิตย์
3. ทำลิงก์ย้อนกลับ หรือ Backlinks กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา
Backlinks คือ ลิงก์ที่เว็บไซต์อื่นลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา
คล้าย ๆ กับว่า เว็บไซต์อื่นได้แนะนำเว็บไซต์ของเรา ผ่านลิงก์ที่เขาใส่เอาไว้ในบทความ หน้าร้าน หรือคอนเทนต์ต่าง ๆ
คล้าย ๆ กับว่า เว็บไซต์อื่นได้แนะนำเว็บไซต์ของเรา ผ่านลิงก์ที่เขาใส่เอาไว้ในบทความ หน้าร้าน หรือคอนเทนต์ต่าง ๆ
ซึ่ง Backlinks มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google Search เพราะเป็นสัญญาณแสดงถึงความน่าเชื่อถือ จนเว็บไซต์อื่นมีการอ้างอิงถึงเว็บไซต์ของเรากลับมานั่นเอง
นอกจากนี้ การมี Backlinks ยังช่วยเพิ่มโอกาสที่จะมีคนคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์ของเรามากขึ้นตามไปด้วย
โดยการทำ Backlinks สำหรับ Local SEO อาจทำโดยการไปลงข้อมูลในเว็บไซต์ท้องถิ่น หรือเว็บไซต์ที่เปิดให้เราลงข้อมูลได้ เช่น Wongnai, Trip, Agoda, YellowPages
ซึ่งการเพิ่มข้อมูลธุรกิจของเราลงในแพลตฟอร์มอื่นเหล่านี้ จะช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจเราน่าเชื่อถือ และได้รับการจัดอันดับดีขึ้น
4. ปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ช่วยให้การจัดอันดับดีขึ้นเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น
- ทำให้หน้าเว็บไซต์เสถียร และดาวน์โหลดเร็วขึ้น
- มีการจัดหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย
- มีปุ่ม Call to Action ที่มองเห็นง่าย น่าคลิก เช่น กดลงตะกร้า, โทรด่วน
- ทำให้หน้าเว็บไซต์เสถียร และดาวน์โหลดเร็วขึ้น
- มีการจัดหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย
- มีปุ่ม Call to Action ที่มองเห็นง่าย น่าคลิก เช่น กดลงตะกร้า, โทรด่วน
5. ใช้สื่อโซเชียลประกอบการทำการตลาดเพิ่มเติม เพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็น
ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok ทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ พร้อมกับแทรกลิงก์เพื่อเชื่อมมาที่เว็บไซต์ จะช่วยเพิ่มการมองเห็น และกระตุ้นให้ผู้ชมไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ก็ต้องกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามารีวิวประสบการณ์หลังจากได้ลองใช้สินค้าหรือบริการไปแล้ว เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือ เทคนิคการทำ Local SEO เบื้องต้น สำหรับเจ้าของแบรนด์เล็ก ๆ หรือนักการตลาด ที่อยากเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ที่ธุรกิจให้บริการให้ได้มากขึ้น
ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับกลยุทธ์นี้ก็คือ การสร้าง Long-tail Keyword ที่ทรงพลัง ที่เหมาะสมกับคนในพื้นที่
พร้อมกับการสร้างโปรไฟล์ธุรกิจให้ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีความน่าเชื่อถือนั่นเอง
พร้อมกับการสร้างโปรไฟล์ธุรกิจให้ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีความน่าเชื่อถือนั่นเอง