สรุป 4 เทรนด์การตลาดปีนี้ 40% ของ Gen Z ใช้ TikTok และ IG เซิร์ชหาข้อมูล

สรุป 4 เทรนด์การตลาดปีนี้ 40% ของ Gen Z ใช้ TikTok และ IG เซิร์ชหาข้อมูล

31 ม.ค. 2024
หากพูดถึงนิยามในปีที่แล้ว และปีนี้คงหนีไม่พ้น “AI” ที่เข้าอยู่ในทุก ๆ ส่วนของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ในด้านการทำงาน และการใช้ชีวิต
ล่าสุด มายด์แชร์ (Mindshare) เอเจนซีด้านการตลาดและการสื่อสาร ในเครือกรุ๊ปเอ็ม
วิเคราะห์เทรนด์การในปี 2024 นี้ว่ามีอะไรบ้าง และ AI จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเทรนด์การตลาดในปีนี้อย่างไร ?
มาเริ่มกันที่เทรนด์การตลาดในปี 2024
1. แบรนด์ต้องให้ความสำคัญกับ Keyword บนโซเชียลมีเดียมากขึ้น
ในอดีตหากพูดถึงการเซิร์ชข้อมูล หลายคนจะนึกถึง Google Search เป็นช่องทางแรก ๆ
แต่ปัจจุบันพบว่า 40% ของ Gen Z ไม่ได้เซิร์ชข้อมูลแค่บนเฉพาะ Google อีกต่อไป แต่หันไปเซิร์ชผ่าน TikTok และ Instagram รวมถึงช่องทางอื่น ๆ แทน
เช่น
- อยากค้นหาสินค้าที่กำลังเป็นไวรัล เลือกเซิร์ชบน TikTok
- อยากค้นหาหน้าร้านแบรนด์ต่าง ๆ เลือกหาบน Instagram
ดังนั้น ในปี 2024 นี้ นักการตลาดจึงไม่สามารถทำแค่ SEM (Search Engine Marketing) ได้อย่างเดียวอีกต่อไป
แต่ต้องให้ความสำคัญกับ “คีย์เวิร์ด” ที่ใช้บนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ด้วย
เพื่อให้ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะ Gen Z เซิร์ชข้อมูลของแบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น
2. ให้ความสำคัญกับ Privacy Marketing
แบรนด์ต่าง ๆ จะต้องทำการตลาดแบบ Privacy Marketing
หมายถึง การให้ลูกค้าสามารถควบคุมข้อมูลของตัวลูกเองได้มากขึ้น เช่น เลือกได้ว่าต้องการเข้าให้แบรนด์เข้าถึงข้อมูลในด้านไหนบ้าง
ซึ่งเรื่องนี้ แบรนด์ต้องทำให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา
3. แบรนด์ควรทำการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainability and Purpose-Driven Marketing)
ในยุคที่ “ความยั่งยืน” กำลังเมกะเทรนด์
แบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนอย่างจริงจัง
เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อหรือรักในแบรนด์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ทำตามเทรนด์
ซึ่งลูกค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนเพียงแค่ตัวแบรนด์เพียงอย่างเดียว
แต่ยังจับตาไปจนถึงการใช้สื่อของแบรนด์ ซึ่งต้องใช้เลือกสื่อที่ Sustainability รักษ์โลกและยั่งยืน
4. แบรนด์จะต้องมีความรับผิดชอบต่อการใช้ AI
แม้ว่าปัจจุบัน AI จะเข้ามาช่วยในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น
เช่น ช่วยตัดสินใจได้ว่า แบรนด์ของเราควรลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม หรือช่องไหนบ้าง หรือช่วยสร้างสรรค์ไอเดีย ให้ทำงานต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น
แต่ต้องบอกว่า ท้ายที่สุดแล้ว แบรนด์ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อการใช้ AI ด้วย
เช่น การเลือกใช้งานที่ถูกลิขสิทธิ์แทนงานต่าง ๆ ที่ AI สร้างสรรค์ขึ้นมา โดยอาจมีการคัดลอก หรือเลียนแบบจากแบรนด์อื่น
เพราะฉะนั้น กระบวนการทำงานคือ ต่อให้แบรนด์เลือกใช้ AI ในการช่วยทำงาน
แต่แบรนด์ก็ต้องมีคนที่คิด วิเคราะห์ และจัดการงานต่าง ๆ ที่ได้มาจาก AI ในอีกขั้นด้วย
ทั้งหมดนี้คือ เทรนด์การตลาดที่มายด์แชร์คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2024 นี้..
นอกจากนี้ มายด์แชร์ ยังมีการเก็บข้อมูลเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ AI ในชีวิตประจำวัน พบว่า
- คนส่วนใหญ่ Burn Out หรือเหนื่อยกับการใช้งานดิจิทัลมากเกินไป อย่างไรก็ตาม
51% อยากให้งานต่าง ๆ ในประจำวันที่เป็นงานซ้ำซาก มีเทคโนโลยีหรือระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย ซึ่งจะช่วยให้มีเวลาในการชีวิตมากขึ้น
46% มองหาเทคโนโลยี หรือ AI ที่จะเข้ามาช่วยให้การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ง่ายขึ้น
63% มองว่า สตรีมมิงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในปัจจุบันมีมากเกินไป
- ด้านช็อปปิงและโฆษณา
57% ยังอยากไปซื้อสินค้าที่หน้าร้าน แต่ต้องมี Personalise Product ด้วย
เช่น มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย และมีเซลล์คอยแนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ว่าลูกค้าเหมาะกับสินค้าประเภทไหน
41% พร้อมที่จะแชร์ข้อมูลส่วนตัว (Personal Data) ให้กับแบรนด์
เพราะอยากได้โฆษณาและประสบการณ์ช็อปปิงที่ตรงใจมากขึ้น
50% มองว่าซื้อสินค้าจาก Niche Brand รู้สึกดีกว่าการเลือกซื้อจากแบรนด์ใหญ่ ๆ
- ด้านการใช้ชีวิต
50% มองว่าไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่มีเทคโนโลยี
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การสั่งข้าวสารผ่านอีคอมเมิร์ซ หากไม่มีช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee, Lazada ก็ไม่รู้จะไปหาซื้อข้าวสารและแบกกลับบ้านได้อย่างไร..
- ด้านประสบการณ์
72% ยังสนุกกับการออกไปซื้อสินค้าที่หน้าร้าน และสัมผัสกับสินค้าที่ต้องการซื้อโดยตรง
69% ต้องการคุยกับพนักงาน มากกว่าแชตบอต เพื่อตอบรับปัญหาหรือให้บริการในด้าน ๆ เพราะฉะนั้น แบรนด์จึงไม่ควรพึ่งพาระบบอัตโนมัติมากเกินไป
หากแบรนด์พึ่งพาการตอบกลับแบบอัตโนมัติมากเกินไป และไม่เปิดโอกาสให้มีการโต้ตอบของมนุษย์
ลูกค้าอาจรู้สึกขาดการเชื่อมต่อจากแบรนด์
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.