สงครามเซนเซอร์ กล้องสมาร์ตโฟน Sony ปะทะ Samsung บริษัทญี่ปุ่น VS เกาหลีใต้

สงครามเซนเซอร์ กล้องสมาร์ตโฟน Sony ปะทะ Samsung บริษัทญี่ปุ่น VS เกาหลีใต้

18 ก.พ. 2024
หากคิดจะซื้อสมาร์ตโฟนสักเครื่องหนึ่ง จะเลือกที่อะไรกันบ้าง ?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลายคนอาจเลือกที่ แบตเตอรี่อึด หน้าจอทัชสกรีน
ส่วนปัจจุบัน หนึ่งในสเป็กที่หลายคนมองหาคือ “กล้อง” ที่ต้องถ่ายสวย ซูมไกล ใช้แทนกล้องใหญ่ ๆ ได้อย่าง iPhone 15 Pro Max หรือ Samsung Galaxy S24 Ultra
แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ว่าเราจะใช้สมาร์ตโฟนแบรนด์ไหน ๆ
ทั้ง Apple, Samsung, OPPO, vivo, Xiaomi และ Huawei ต่างก็ใช้ “เซนเซอร์กล้อง” ที่มาจากผู้ผลิตเพียง 2 ราย คือ Sony และ Samsung
ผู้ผลิต 2 รายนี้ คือเจ้าตลาดที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดกล้องสมาร์ตโฟน รวมกันเกินกว่า 70%
ซึ่งที่ผ่านมา Samsung กำลังพยายามไล่บี้ Sony เพื่อขึ้นเป็นผู้นำ
จนเรียกได้ว่า นี่เป็นสงครามระหว่างบริษัทญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ดำเนินมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี
แล้วจุดเริ่มต้นของศึกเซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟน ระหว่าง Sony และ Samsung เกิดขึ้นได้อย่างไร ? เรามาไล่ดูกัน..
เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่รู้จักเซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟน
หากลองแกะกล้องสมาร์ตโฟนออกมา จะพบว่ามีส่วนประกอบหลักคือ เลนส์และเซนเซอร์
ซึ่งเซนเซอร์ มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมสีรุ้ง
หน้าที่หลัก ๆ คือ คอยรับแสงที่ตกกระทบและประมวลผลออกมาเป็นรูปที่เราถ่าย
ต้องบอกว่า ยิ่งเซนเซอร์มีขนาดใหญ่ ภาพที่ได้ก็จะยิ่งมีรายละเอียดมากขึ้น มีมิติมากขึ้น สามารถเก็บรายละเอียดสีได้ดีขึ้น
เช่น สามารถเห็นสีท้องฟ้าได้ชัดเจน แม้ว่าแดดจะแรง
นอกจากนี้ ยิ่งเซนเซอร์มีขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งรับแสงได้เพิ่มขึ้น ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นอีกด้วย
เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เหมือนกับ การมีหน้าต่างภายในบ้าน ยิ่งหน้าต่างบานใหญ่เท่าไร ก็ยิ่งเปิดรับแสงอาทิตย์ได้มากเท่านั้น..
ทีนี้ถ้าถามว่า ศึกระหว่าง Sony และ Samsung เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของ Sony คงหนีไม่พ้น กล้องถ่ายรูป และกล้องถ่ายวิดีโอ
ซึ่งในปี 1981 Sony ได้คิดค้นกล้องวิดีโอ ซึ่งเป็นต้นแบบของกล้องถ่ายภาพนิ่งเชิงพาณิชย์ตัวแรก ๆ ของโลก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Sony เป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดกล้องเสมอมา..
จนกระทั่งในปี 2003 Sony อาศัยความชำนาญด้านกล้อง หันมาผลิตเซนเซอร์กล้องโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรก
ประกอบกับในปี 2016 กระแสความนิยมโทรศัพท์มือถือกำลังมาแรง ทาง Sony จึงทุ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่
ส่งผลให้ในเวลานั้น Sony ขึ้นเป็นผู้นำ โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 40%
ทีนี้ตัดภาพมาที่ Samsung..
จุดเริ่มต้นในการผลิตเซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟน มาจากการที่ Samsung เริ่มผลิตสมาร์ตโฟน
ในปี 2013 Samsung จึงผลิตเซนเซอร์กล้องสำหรับสมาร์ตโฟน โดยมีชื่อว่า “ISOCELL” เพื่อนำมาใช้กับแบรนด์สมาร์ตโฟนของตัวเอง
ซึ่งเซนเซอร์ที่ชื่อว่า ISOCELL นี่เอง ที่เข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกม..
ในปี 2019 เจ้าตลาดเซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟน ยังคงเป็น Sony ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดเกือบ 50%
ในขณะที่ Samsung ยังครองส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 18%
แต่เมื่อ Samsung ผลิต ISOCELL ได้สำเร็จ และเริ่มมีการนำมาใช้ในสมาร์ตโฟนจริง ๆ ในปี 2020
ส่งผลให้ Samsung เริ่มมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 29%
ส่วน Sony มีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงเหลือ 46%
ต่อมา Samsung ได้พัฒนา ISOCELL ให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น
ด้วยการพัฒนาเซนเซอร์รุ่นความละเอียดสูง ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดมากยิ่งขึ้น อย่างรุ่นความละเอียด 64P และ 108MP
จึงทำให้สมาร์ตโฟนแบรนด์จีนอย่าง Xiaomi, OPPO และ vivo ที่แต่เดิมใช้เซนเซอร์กล้องสำหรับสมาร์ตโฟนของ Sony มาโดยตลอด
หันมาใช้ ISOCELL ของ Samsung แทน ทั้งในสมาร์ตโฟนระดับกลางไปจนถึงรุ่นเรือธง
ประกอบกับในช่วงนั้น Huawei โดนสหรัฐอเมริกา แบนไม่ให้ทำการค้า
ทำให้แบรนด์จีนอื่น ๆ อย่าง Xiaomi, OPPO และ vivo สร้างยอดขายได้มากขึ้นแทน
ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลดีต่อ Samsung
เพราะยิ่งแบรนด์จีนเหล่านี้ขายดีขึ้นแค่ไหน ก็หมายความว่า Samsung ยิ่งขายเซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟนได้มากเท่านั้น..
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ในปี 2022 Samsung คว้าส่วนแบ่งทางการตลาดไปถึง 30%
ในขณะที่ Sony ครองส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงเหลือ 44%
ปัจจุบันทั้ง Sony และ Samsung ยังคงพัฒนาเซนเซอร์กล้องสำหรับสมาร์ตโฟนอย่างต่อเนื่อง
โดย Sony ได้เปิดตัว LYTIA Series ซึ่งโดดเด่นในการถ่ายทอดสีสัน ความไวแสง ความแม่นยำในการโฟกัส และการจับภาพอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งขนาดเซนเซอร์เรือธงที่ใหญ่เกือบ 1 นิ้ว
ส่วน ISOCELL ของ Samsung ก็พัฒนาจนมีความละเอียดสูงถึง 100MP และ 200MP
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ ISOCELL จะพัฒนามาดีแค่ไหน
แต่ต้องบอกว่า มีแบรนด์หนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนมาใช้ของค่าย Samsung เลย นั่นก็คือ iPhone ของ Apple ที่เลือกใช้เซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟนของ Sony มาโดยตลอด
ยกตัวอย่างเช่น iPhone 14 Pro และ iPhone 15 Pro ที่เลือกใช้เซนเซอร์กล้อง Sony IMX803
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลืออีกว่า iPhone 16 Pro Max ที่น่าจะออกในปีนี้ ก็จะยังเลือกใช้ Sony IMX903
ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า Sony IMX803 บน iPhone 15 Pro ถึง 12% ทำให้ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม
แม้จะยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า สงครามที่เกิดขึ้นระหว่าง Sony และ Samsung ใครจะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงในอนาคต
แต่สงครามเซนเซอร์กล้องสมาร์ตโฟน ระหว่าง Sony ที่เป็นบริษัทญี่ปุ่น กับ Samsung ที่เป็นบริษัทเกาหลีใต้
เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ที่จะได้ใช้สมาร์ตโฟน ที่มีกล้องประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.