อธิบาย “Share of Voice” ตัวเลขใช้ดูว่า แบรนด์เราดังแค่ไหน บนโลกออนไลน์ พร้อมตัวอย่างการคำนวณจริง

อธิบาย “Share of Voice” ตัวเลขใช้ดูว่า แบรนด์เราดังแค่ไหน บนโลกออนไลน์ พร้อมตัวอย่างการคำนวณจริง

7 มิ.ย. 2025
นักการตลาดหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินว่า ถ้าทำแบรนด์ก็ควรทำให้แมส ๆ หรือทำอย่างไรก็ได้ให้คนพูดถึงแบรนด์ของเราเยอะ ๆ
แต่คำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า แบรนด์ของเราถูกพูดถึงมากน้อยแค่ไหน ? และมากแค่ไหนถึงเรียกว่าแบรนด์ของเรา “แมส” แล้ว ?
ตามตำราการตลาดมีเครื่องมือชื่อว่า “Share of Voice” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า SOV เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ใช้ดูว่า แบรนด์ของเรามีคนพูดถึงบนโลกออนไลน์เยอะแค่ไหน ถ้าเทียบกับคู่แข่งในตลาด
แล้ว Share of Voice คำนวณอย่างไร ? MarketThink จะอธิบายให้ฟัง
- Share of Voice (SOV) แปลง่าย ๆ ก็คือ “ส่วนแบ่งการพูดถึงของแบรนด์”
คือ หนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่เอาไว้ดูว่าแบรนด์ของเราถูกพูดถึงเยอะแค่ไหน ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์
โดยมีสูตรคำนวณง่าย ๆ คือ (ปริมาณการพูดถึงแบรนด์ของเรา / ปริมาณการพูดถึงของทั้งตลาด) x 100
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราเปิดร้านขายหมูทอดชื่อว่า “หมูทอดสมทรง”
แล้วปรากฏว่าใน 1 ปี มีคนพูดถึงหมูทอดสมทรง 500 ครั้ง
ในขณะที่มีคนพูดถึงหมูทอดแบรนด์อื่น ๆ รวมกัน 2,500 ครั้ง
หมายความว่า หมูทอดสมทรง มี Share of Voice เท่ากับ (500 / 2,500) x 100 = 20%
หรือก็คือ ใน 1 ปีที่ผ่านมา ทุก ๆ 100 ครั้งที่มีคนพูดถึงหมูทอด จะมี 20 ครั้งที่คนพูดถึงหมูทอดสมทรงนั่นเอง
แต่ต้องบอกก่อนว่า “ปริมาณการพูดถึงแบรนด์” ที่เอามาใช้คำนวณในสูตรนั้น จะไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องใช้ปริมาณการพูดถึงแบรนด์ในช่องทางไหน
เพราะในการคำนวณหา SOV จะขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์เน้นสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางไหน หรืออยากวัดว่าลูกค้าพูดถึงแบรนด์ในช่องทางไหนมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น
- ถ้าแบรนด์เน้นทำการตลาดผ่านเว็บไซต์
การหา SOV ก็อาจจะใช้ “ปริมาณการเซิร์ชแบรนด์ของเราบน Google” มาเทียบกับ “ปริมาณการเซิร์ชของทั้งอุตสาหกรรม”
เพื่อหาว่าคนพูดค้นหาแบรนด์ของเราบน Google เยอะแค่ไหน เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- ถ้าแบรนด์เน้นทำตลาดบนโซเชียลมีเดีย
การหา SOV ก็อาจจะใช้ “จำนวน Mention ถึงแบรนด์ของเรา” มาเทียบกับ “จำนวน Mention ของทั้งอุตสาหกรรม”
เพื่อหาว่าคนพูดถึงแบรนด์ของเราบนโซเชียลมีเดีย เยอะแค่ไหน เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะช่องทางไหน ๆ ก็ต้องหมายเหตุไว้ว่า เราจะรู้ข้อมูลเหล่านี้ได้ ก็ต่อเมื่อใช้เครื่องมือ Social Listening เข้ามาช่วยด้วย
เช่น ใช้ Semrush สำหรับหา SOV บนเว็บไซต์, ใช้ Mandala Analytics สำหรับหา SOV บนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook
- ทีนี้คำถามต่อมาก็คือ แล้วแบรนด์ของเราต้องมี SOV หรือถูกพูดถึงมากเท่าไร ถึงเรียกว่าดี ?
เรื่องนี้อาจจะไม่มีคำตอบที่ชัด ๆ ว่า SOV เท่าไรถึงเรียกว่าดี เพราะอาจขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของตลาด หรือจำนวนคู่แข่งในอุตสาหกรรม
แต่ก็มีบางแหล่งข้อมูลบอกว่า SOV ที่ดีควรจะต้องมีค่าไม่น้อยกว่า “Share of Market” (SOM) ของแบรนด์
สำหรับคำว่า Share of Market ก็คือส่วนแบ่งการตลาด (หรือที่หลาย ๆ คนจะเรียกว่า Market Share) เป็น “สัดส่วนยอดขายรวมของแบรนด์” เมื่อเทียบกับยอดขายรวมของคู่แข่งทั้งตลาด
โดยมีงานวิจัยพบว่า สำหรับธุรกิจ B2C ถ้าแบรนด์ไหนมีค่า SOV สูงกว่า SOM ในทุก ๆ 10% จะมีโอกาสได้ SOM เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.6%
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าแบรนด์ของเรามีส่วนแบ่งการตลาด (SOM) ที่ 20%
แต่มีสัดส่วนการพูดถึงบนโซเชียลมีเดีย (SOV) ที่ 30%
หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ในอนาคตแบรนด์ของเรา ก็จะมีโอกาสได้ SOM เพิ่มขึ้นเป็น 20.6%
พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้ามีคนพูดถึงแบรนด์ของเราเยอะขึ้นบนโลกออนไลน์ จะทำให้แบรนด์ของเรามีโอกาสขายดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง..
- นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีในการใช้ SOV แบบง่าย ๆ ก็คือ การเอา SOV ของแต่ละช่วงเวลามาเปรียบเทียบกัน
อย่างเช่น การเอา SOV ของปีล่าสุดมาเทียบกับ SOV ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว เพื่อหาว่าลูกค้าพูดถึงเราเยอะขึ้นหรือน้อยลง
ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับการวางกลยุทธ์ อย่างเช่น ถ้าเจอว่า คนพูดถึงแบรนด์ของเราน้อยลง
เราอาจต้องเน้นกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับ “การสร้างการรับรู้” เพื่อให้คนพูดถึงแบรนด์ของเราเยอะขึ้นนั่นเอง..
อ้างอิง :
- https://www.promodo.com/blog/share-of-voice
- https://schoolofmarketing.co/is-excess-share-of-voice-esov-still-effective/
- เอกสาร THE 5 PRINCIPLES Of Growth In B2B Marketing ของ The B2B Institute
- https://www.nielsen.com/th/insights/2025/what-is-share-voice/
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.