
สรุปดีเทล สงครามบุฟเฟต์สุกี้ สุกี้ตี๋น้อย จัดโปรลด - MK จัดโปรบุฟเฟต์ ราคาเท่าไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ?
9 มิ.ย. 2025
- ล่าสุด 2 ร้านสุกี้เจ้าดังของเมืองไทย คือ “MK” และ “สุกี้ตี๋น้อย” ประกาศโปรโมชัน ที่น่าสนใจมากพร้อม ๆ กัน
- ฝั่ง MK ออกโปรโมชัน “คุ้มคุ้ม อิ่มไม่อั้น” ให้ลูกค้าสามารถทานอาหารแบบบุฟเฟต์ได้ 19 รายการ เป็นเวลา 90 นาที ในราคา 299 บาท ระยะเวลาโปรโมชัน วันที่ 9 มิถุนายน - 30 มิถุนายน 2568
สำหรับรายละเอียดของโปรโมชันคือ ลูกค้า MK สาขาในโลตัส, บิ๊กซี และสาขาที่ร่วมรายการ จะสามารถสั่งอาหารตามลิสต์ 19 เมนูนี้ได้แบบไม่อั้น ได้แก่
1.เนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย
2.หมูนุ่มตอกไข่
3.ไก่นุ่มตอกไข่
4.ไก่บดเห็ดหอมแบมบู
5.หมูนุ่มหมักซอสพริกไทยดำ
6.หมูสไลซ์
7.หมูนุ่ม
8.เนื้อไก่
9.ลูกชิ้นปิงปอง
10.สาหร่ายทรงเครื่อง
11.เต้าหู้เนื้อปลา
12.ปูอัด
13.เต้าหู้ไข่
14.ข้าวเปล่า
15.วุ้นเส้น
16.กะหล่ำปลีฝอย
17.เห็ดเข็มทอง
18.ผักกาดขาว
19.ผักบุ้ง
2.หมูนุ่มตอกไข่
3.ไก่นุ่มตอกไข่
4.ไก่บดเห็ดหอมแบมบู
5.หมูนุ่มหมักซอสพริกไทยดำ
6.หมูสไลซ์
7.หมูนุ่ม
8.เนื้อไก่
9.ลูกชิ้นปิงปอง
10.สาหร่ายทรงเครื่อง
11.เต้าหู้เนื้อปลา
12.ปูอัด
13.เต้าหู้ไข่
14.ข้าวเปล่า
15.วุ้นเส้น
16.กะหล่ำปลีฝอย
17.เห็ดเข็มทอง
18.ผักกาดขาว
19.ผักบุ้ง
แถมถ้ามา 4 คนขึ้นไป ลูกค้าจะสามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ฟรีแบบไม่อั้นด้วย..
- ส่วน สุกี้ตี๋น้อย ประกาศจัดโปรโมชันลดราคาบุฟเฟต์เหลือ 199 บาท จาก 219 บาท ระยะเวลาโปรโมชันตั้งแต่วันที่ 11 - 30 มิถุนายน 2568 (เฉพาะวันจันทร์ - ศุกร์เท่านั้นเวลา 11:00 -17:00)
ส่วนราคาเด็กจะลดจากปกติ 109 บาท เหลือ 89 บาท โดยราคาตรงนี้จะยังไม่รวมครื่องดื่มและภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทำให้ถ้าตีกลม ๆ ตามโปรโมชัน ราคา NET ต่อหัวของสุกี้ตี๋น้อยจะอยู่ที่ 199 บาท + เครื่องดื่มรีฟิล 39 บาท + VAT 7% = 254 บาท จากปกติ 276 บาทนั่นเอง
- สำหรับเงื่อนไขสำคัญ ๆ ของทั้งสองแบรนด์ ที่ควรทำความเข้าใจเอาไว้ก่อนตัดสินใจทาน ก็คือ
โปรโมชันของ MK ส่วนใหญ่จะจำกัดเฉพาะสาขาที่อยู่ใน โลตัสและบิ๊กซี เท่านั้น
และถ้าอยากทานกุ้งแม่น้ำไม่อั้น ต้องชวนเพื่อนไปให้ครบ 4 คน
และถ้าอยากทานกุ้งแม่น้ำไม่อั้น ต้องชวนเพื่อนไปให้ครบ 4 คน
ส่วนโปรโมชันของสุกี้ตี๋น้อยจะจำกัดแค่ ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ในช่วงเวลา 11:00 - 17:00 เท่านั้น
จากเรื่องนี้ที่ทั้งสองแบรนด์ จัดโปรพร้อม ๆ กัน ทำให้หลายคนนึกถึงซีรีส์ สงครามส่งด่วน ที่แข่งขันกันด้านราคาถูก จนเกิดสงครามราคา
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “ผู้บริโภค” อย่างเรา ๆ นั่นเอง