“เด็กชายที่หน้าต่าง” หนังโฆษณาเรื่องล่าสุดจาก ไทยประกันชีวิต บทสนทนาที่เรียบง่าย ส่งต่อคุณค่าความหมายให้กับชีวิต

“เด็กชายที่หน้าต่าง” หนังโฆษณาเรื่องล่าสุดจาก ไทยประกันชีวิต บทสนทนาที่เรียบง่าย ส่งต่อคุณค่าความหมายให้กับชีวิต

6 ส.ค. 2025
นิยามคำว่า “ชีวิต” ของคุณคืออะไร ? คำถามที่เหมือนง่าย แต่หลายคนตอบได้ยาก
และคำตอบของแต่ละคน.. อาจจะไม่เหมือนกันเลยก็เป็นได้
บางคนอาจให้ความสำคัญกับเวลา บางคนอาจให้ความสำคัญกับเงินทองและหน้าที่การงาน 
และมีอีกหลายคนอาจให้ความสำคัญกับครอบครัวและคนใกล้ตัว
แต่ไม่ว่าคำตอบของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร
สิ่งที่สำคัญก็คือ.. วันนี้คุณได้มีชีวิตที่มีความหมายในแบบของคุณแล้วหรือยัง ?
บทความนี้ MarketThink จะชวนทุกคนไปดูและวิเคราะห์ หนังโฆษณาเรื่องใหม่จาก ไทยประกันชีวิต ที่ไม่ได้ตั้งใจมาขายของ แต่ตั้งใจมาสื่อสารความหมายของชีวิตผ่านหนังโฆษณาเรื่องนี้กัน
เปิดมาด้วยซีนแนะนำตัวละครหลัก 2 ตัว คือ ชายชราที่กำลังรอรักษาดวงตา และเด็กที่ป่วยเป็นโรคร้าย ทั้งคู่อยู่ในโรงพยาบาลและพูดคุยกันทุกวัน
ด้วยความที่ชายชราไม่สามารถมองเห็นได้ จึงถามเด็กคนนั้นเสมอว่า “วันนี้ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”
เด็กก็บรรยายให้ฟังว่า “ท้องฟ้าสีฟ้า มีเมฆรูปไอศกรีมด้วย ก้อนใหญ่มากกก”
ชายชราก็ถาม “ใหญ่แค่ไหนล่ะ”
แต่เด็กก็เลือกที่จะไม่ตอบ แล้วบอกไปว่า “ไม่บอก ลุงต้องเห็นด้วยตาลุงเอง”
สุดท้ายคุณลุงก็ไม่รู้ว่าก้อนเมฆก้อนนั้นใหญ่แค่ไหน เพราะเด็กน้อยไม่ยอมบอก ชายชราก็ได้แต่จินตนาการอยู่ในใจว่า มันก็คงจะใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ เด็กน้อยถึงได้ตอบแบบนั้น
และนี่ก็คือเรื่องราวที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของหนังโฆษณาเรื่องนี้
สำหรับใครที่สงสัยว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องตามไปชม เพราะดูแล้วจะรู้สึกว่าแค่เวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ได้รับชมหนังโฆษณาเรื่องนี้ ก็อาจทำให้ความรู้สึกที่สิ้นหวัง ฟื้นกลับมามีความหมายได้อีกครั้ง
ส่วนใครที่ดูจนจบแล้ว รับรองเลยว่า นอกจากความซึ้งแล้ว ยังแฝงข้อคิดเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ที่จะทำให้ผู้ชมสามารถนำกลับไปตั้งคำถามต่อไปได้อีก
โดยเฉพาะซีนที่ชายชราและเด็กพูดคุยด้วยกันนี้ หากมองให้ลึกลงไปก็มีข้อคิดอยู่หลายข้อเลยทีเดียว
ลองจินตนาการว่า ถ้าทั้งคู่ไม่รู้จักกันเลย ก็อาจใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลคนเดียวแบบเหงา ๆ ก็ได้
แต่เมื่อทั้งคู่มาเจอกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน พูดคุยกัน และแชร์เรื่องราวระหว่างกัน ก็ทำให้ชีวิตของชายชราตาบอดและเด็กคนนี้มีความหมายขึ้นมา
ถึงแม้บทสนทนาอย่าง “วันนี้ข้างนอกหน้าต่างนั่นเป็นอย่างไร” จะดูเป็นประโยคคำถามที่เรียบง่ายและธรรมดาทั่วไป แต่ได้ทำให้ชีวิตของทั้งคู่ ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก กลับมาสดใสและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ พร้อมที่จะใช้ชีวิตได้ต่อไป
ซึ่งซีนนี้ทำให้เห็นว่าบางสิ่งที่เรียบง่ายและแสนธรรมดาของเรา อาจจะเป็นเรื่องที่มีความหมายต่อชีวิตของใครสักคนบนโลกนี้ก็ได้
และที่แน่ ๆ ก็คือ เราทุกคนสามารถสร้างทุกวันของชีวิตให้มีความหมายได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้เวลากับใครสักคนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวดี ๆ ต่อกัน
เหมือนที่มีคนเคยบอกว่า ถ้าเราแชร์ความทุกข์ให้ใครสักคนฟัง ความทุกข์จะลดลง แต่ถ้าเราแชร์ความสุข ความสุขจะยิ่งทวีคูณ
Storyline ของหนังโฆษณาเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน เด็กน้อยได้แชร์เรื่องราวหลังหน้าต่าง ทำให้ชายชราตาบอดจินตนาการตามคำบอกเล่าของเด็ก อดทน มีความหวัง รอที่จะได้เห็นท้องฟ้าและมีความสุขอีกครั้ง
ถึงแม้คำบอกเล่าของเด็กจะไม่ได้ตอบคำถามของชายชรา
แต่คำบรรยายเหล่านั้นกลับมีความหมายมากมาย มอบความหวัง สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้ชายชราได้เห็นคุณค่าของการได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความหมายอีกครั้งผ่านการบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ที่มีความหมายจากเด็กน้อย
และอีก 1 Symbolic หลักที่ใช้สื่อสารสร้างอิมแพกต์ต่อหัวใจต้องยกให้ประโยคที่บอกว่า “ที่ด้านหลังของทุกกำแพง มันจะมีท้องฟ้าเสมอ”
ประโยคอันทรงพลังที่ทำให้ผู้ชมได้คิดตาม ประโยคที่เป็นข้อสรุปของหนังโฆษณาเรื่องนี้ ที่ตั้งใจหยิบยื่นความหวังและส่งต่อกำลังใจผ่านเรื่องราวที่มีความหมายให้กับทุกคน
และจากบทสรุปของหนังโฆษณาเรื่องนี้ ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ไทยประกันชีวิตได้อย่างชัดเจน ที่เชื่อในเรื่องคุณค่าของชีวิต มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ผลักดันคอนเทนต์ดี ๆ ที่จะช่วยสร้างอิมแพกต์ ส่งต่อความหมายของชีวิตให้กับผู้คนและสังคมผ่านหนังโฆษณาเรื่องนี้ให้สังคมได้ส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ให้แก่กัน
เรียกได้ว่า หนังโฆษณาเรื่องนี้ ถ้าเราดูและวิเคราะห์ดี ๆ จะได้ข้อคิดมากมายหลายข้อทีเดียว
MarketThink ขอแนะนำให้ทุกคนได้ดู แล้วเราจะมองเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากยิ่งขึ้น
คลิกไปชมหนังโฆษณาเรื่อง “เด็กชายที่หน้าต่าง” ได้ที่ https://bit.ly/4565DDy
#ทำโซเชียลให้มีความหมาย
#ไทยประกันชีวิต
#ThaiLifeInsurance
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.