
สรุป 10 บทเรียนการตลาด จากปรากฏการณ์ “เจนนี่ไลฟ์สด” ทำยอดขาย 100 ล้าน ในวันเดียว
13 ต.ค. 2025
เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น หรือ คุณเจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ นักร้องที่ตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงบนโซเชียลมีเดีย จากการสร้างปรากฏการณ์ไลฟ์สดบน TikTok Shop จนสร้างยอดขาย 100 ล้านบาทในวันเดียว
และถ้าเจาะตั้งแต่วันที่เริ่มไลฟ์ จนถึงวันนี้ ทำยอดขายไปแล้วรวม 326.9 ล้านบาท
- 9 ตุลาคม ทำยอดขาย 24.2 ล้านบาท
- 10 ตุลาคม ทำยอดขาย 33.6 ล้านบาท
- 11 ตุลาคม ทำยอดขาย 80.3 ล้านบาท
- 12 ตุลาคม ทำยอดขาย 126.8 ล้านบาท
- 13 ตุลาคม (จนถึงตอนนี้เวลา 4 ทุ่มกว่า ๆ) ทำยอดขายไปแล้ว 62 ล้านบาท
- 9 ตุลาคม ทำยอดขาย 24.2 ล้านบาท
- 10 ตุลาคม ทำยอดขาย 33.6 ล้านบาท
- 11 ตุลาคม ทำยอดขาย 80.3 ล้านบาท
- 12 ตุลาคม ทำยอดขาย 126.8 ล้านบาท
- 13 ตุลาคม (จนถึงตอนนี้เวลา 4 ทุ่มกว่า ๆ) ทำยอดขายไปแล้ว 62 ล้านบาท
ปรากฏการณ์นี้ ถือเป็นเคสที่น่าสนใจมาก ๆ
ซึ่งในรายการ “โหนกระแส” วันนี้ คุณเจนนี่ ก็ได้มาแชร์เคล็ดลับในการไลฟ์สดแบบตรง ๆ ว่า มีวิธีคิดอย่างไร ?
ซึ่งในรายการ “โหนกระแส” วันนี้ คุณเจนนี่ ก็ได้มาแชร์เคล็ดลับในการไลฟ์สดแบบตรง ๆ ว่า มีวิธีคิดอย่างไร ?
MarketThink สรุป 10 กลยุทธ์ที่น่าสนใจมาให้ในโพสต์นี้
1. ใช้ความ Real ในการไลฟ์สด
คุณเจนนี่ บอกว่าพออยู่กับแพลตฟอร์ม TikTok Shop มาสักพักก็เจอว่า ถ้าคอนเทนต์ของเรามีความ “เรียล” อธิบายง่าย ๆ คือการไลฟ์แบบบ้าน ๆ จะทำให้ได้ Engagement ดีขึ้น
คุณเจนนี่ เลยใช้หลักการนี้มาช่วยในการไลฟ์ขายของ ด้วยการใช้โทรศัพท์เครื่องเดียว และหลีกเลี่ยงการจัดแสงหรือใช้ Production ที่ดูเหมือนมืออาชีพมาช่วยไลฟ์
2. การสร้าง Occasion หรือ “โอกาสในการขายของ” ขึ้นมาด้วยตัวเอง
ปกติแล้วลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้นเมื่อมี “โอกาสพิเศษ” หลาย ๆ แบรนด์เลยนิยมสร้างโปรโมชันในวัน 11.11, จัด Flash Sale หรือ โอกาสอื่น ๆ ขึ้นมา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
คุณเจนนี่ใช้เทคนิคเดียวกันคือสร้าง "เทศกาลเจนนี่" เป็นเทศกาลไลฟ์สด ที่สร้างความสุขให้ผู้คน มาทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ต้องซื้อสินค้า”
3. สินค้าที่ขึ้นหลังคนดังหรือแบรนด์ดัง จะมี Engagement ดีขึ้น
คุณเจนนี่ จะมีการจัดอันดับให้ดารา ที่มาไลฟ์สด หรือ แบรนด์ท่ีมีชื่อเสียงขึ้นไลฟ์ก่อนเสมอ
ที่เป็นแบบนี้เพราะคุณเจนนี่มองว่า สินค้าที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จัก จะได้ประโยชน์จากฐานแฟนคลับของแบรนด์ใหญ่หรือคนดัง ๆ ที่มาขึ้นไลฟ์ก่อนหน้า
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเอาแบรนด์ LYO ผลิตภัณฑ์ปลูกผมของ คุณหนุ่ม-กรรชัย ขึ้นไลฟ์ จะมียอดผู้ชม 400,000 คน ดังนั้นแบรนด์ไหนที่ได้ขึ้นต่อจาก LYO จะได้ฐานผู้ชมตรงนี้ไปด้วย
ถ้าเอาแบรนด์ LYO ผลิตภัณฑ์ปลูกผมของ คุณหนุ่ม-กรรชัย ขึ้นไลฟ์ จะมียอดผู้ชม 400,000 คน ดังนั้นแบรนด์ไหนที่ได้ขึ้นต่อจาก LYO จะได้ฐานผู้ชมตรงนี้ไปด้วย
ทำให้แบรนด์เล็ก ๆ ได้มีโอกาสสร้าง Awareness จากฐานผู้ชมตรงนี้ได้ดีกว่าการขึ้นโดยไม่สนอันดับนั่นเอง
4. ไม่เอาสินค้าประเภทเดียวกันขึ้นติดกัน เพื่อไม่ให้ไลฟ์น่าเบื่อ
คุณเจนนี่บอกว่า ไม่ควรขายสินค้าประเภทเดียวติด ๆ กัน เพราะจะทำให้ไลฟ์ดูน่าเบื่อ แถมยังดูไม่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญคือ พฤติกรรมของลูกค้าก็จะไม่ซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน ติด ๆ กัน
วิธีแก้ก็คือ ให้สลับประเภทของสินค้าที่จะเอามาไลฟ์สด เช่น ถ้าขายแบรนด์สบู่มา 5 แบรนด์ติดกัน ก็ควรเปลี่ยนไปขายสินค้าประเภทอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้า หรืออาหาร เพื่อรักษายอดขาย และอารมณ์ร่วมของคนดู
5. ต้องใส่ใจกฎของแพลตฟอร์มเสมอ
แม้ว่าไลฟ์ของคุณเจนนี่จะมีคนเข้ามาดูระดับปรากฏการณ์ แต่ในบางครั้งที่ในไลฟ์มีคำต้องห้าม หรือ Action ที่ละเมิดกฎแพลตฟอร์ม ไลฟ์ก็สามารถโดนแบนได้เหมือนกัน
ซึ่งวันนี้ก็มีเคสที่ไลฟ์ของคุณเจนนี่โดนแบน เพราะมีคำต้องห้ามที่ TikTok ห้ามพูดหลุดเข้ามาในไลฟ์
6. ช่วงต้นไลฟ์ต้องทำให้มี Engagement ดีที่สุด
ในช่วงการเปิดไลฟ์ควรใช้ดารา อินฟลูเอนเซอร์ หรือทำอย่างไรก็ได้ให้มีคนกดเข้ามาดูเยอะที่สุด เพราะคุณเจนนี่มองว่า TikTok จะเปิดการมองเห็นให้ไลฟ์ของเราไปขึ้นฟีดคนที่เล่น TikTok ในตอนนั้น
ซึ่งวิธีที่คุณเจนนี่ใช้ก็คือ เอาดาราหรือคนดัง มาดึง
ตัวอย่างคนดังที่คุณเจนนี่เคยไลฟ์ร่วมกัน เช่น
- คุณกาละแมร์ พัชรศรี
- คุณป๋อ ณัฐวุฒิ
- คุณปู ไปรยา
- คุณกาละแมร์ พัชรศรี
- คุณป๋อ ณัฐวุฒิ
- คุณปู ไปรยา
และล่าสุดคือ คุณกระแต อาร์สยามที่ตอนนี้ทำยอดขายไปได้กว่า 31 ล้านบาทแล้ว
7. จัดการความเสี่ยงเรื่องยกเลิกออร์เดอร์ ด้วยการปักตะกร้าเอาไว้ก่อน
เพราะการซื้อสินค้าบน TikTok ใช่ว่ากดซื้อเยอะแล้วทุกคนจะจ่ายเงิน เพราะก็ยังมีหลายคนที่กดใส่ตะกร้าหรือเลือกช่องทางการจ่ายเงินเป็นเก็บเงินปลายทาง จึงทำให้ยังมีโอกาสยกเลิกออร์เดอร์ได้
ซึ่งคุณเจนนี่ก็รับรู้ปัญหาส่วนนี้ จึงไม่ได้ถอดตะกร้าสินค้าจากแบรนด์ออก แต่เลือกที่จะติดเอาไว้ในลำดับถัด ๆ ไปนั่นเอง
8. ควรนำคอนเทนต์จากไลฟ์ไปต่อยอดเป็นคอนเทนต์ออร์แกนิก
พูดง่าย ๆ ก็คือ แบรนด์สามารถบันทึกไลฟ์ของคุณเจนนี่ เพื่อนำไปทำคลิปสร้างคอนเทนต์ออร์แกนิก หรือต่อยอดได้
เพราะอย่างน้อยก็เหมือนได้ชื่อว่า เคยขึ้นไลฟ์ของคุณเจนนี่มาแล้ว นอกจากจะช่วยเพิ่มการมองเห็นแล้ว
ยังทำให้แฟนคลับของคุณเจนนี่ มีโอกาสกลับมาซื้อสินค้าจากแบรนด์อีกครั้ง
ยังทำให้แฟนคลับของคุณเจนนี่ มีโอกาสกลับมาซื้อสินค้าจากแบรนด์อีกครั้ง
9. ให้คนดูมีส่วนร่วมภายในไลฟ์
คุณเจนนี่จะให้คนดูมีสิทธิ์ในการเลือกได้ว่าสินค้าต่อไปที่จะให้ขึ้นไลฟ์ อยากได้เป็นสินค้าแบรนด์อะไร
เพราะคุณเจนนี่จะสามารถทำข้อตกลงเรื่องราคาจนสามารถสร้างข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับคนดูไลฟ์ได้
เพราะคุณเจนนี่จะสามารถทำข้อตกลงเรื่องราคาจนสามารถสร้างข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับคนดูไลฟ์ได้
10. ไม่ไลฟ์คนเดียวแต่ให้คนดังหรือแบรนด์มาช่วยไลฟ์
คุณเจนนี่บอกว่าพอไลฟ์ด้วยตัวเองคนเดียวนาน ๆ จะทำให้คนดูเริ่มเบื่อ แถมความน่าเชื่อถือ จะดูน้อยลงเรื่อย ๆ
คุณเจนนี่เลยใช้วิธีให้เจ้าของแบรนด์ที่เอาของมาฝากขาย ให้ขึ้นมาช่วยพูดสรรพคุณ
ของสินค้าแทน ทำให้ในภาพรวมไลฟ์ดูไม่น่าเบื่อเกินไป..
ของสินค้าแทน ทำให้ในภาพรวมไลฟ์ดูไม่น่าเบื่อเกินไป..
สุดท้ายนี้ต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่าสินค้าหลาย ๆ ชิ้น ที่เอสขึ้นมาให้คุณเจนนี่ไลฟ์สดจะ “มีราคาถูกกว่า” ในช่วงเวลาปกติ
ซึ่งน่าจะเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไลฟ์สดของคุณเจนนี่มีกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี..