รวม 11 เทคนิค “เปิดการมองเห็น” ให้ Instagram ของเรา มียอด Engagement ดี ผู้ติดตามโต

รวม 11 เทคนิค “เปิดการมองเห็น” ให้ Instagram ของเรา มียอด Engagement ดี ผู้ติดตามโต

3 พ.ย. 2025
เคยสงสัยไหมว่า เอนเกจเมนต์โดยเฉลี่ยของคอนเทนต์บน Instagram อยู่ที่เท่าไร ?
จากการสำรวจครีเอเตอร์กว่า 273,000 บัญชีบน Instagram ของ Buffer พบว่า ค่ากลาง (Median) ของ Instagram Engagement Rate อยู่ที่ 4.3%
โดยคำว่า ค่ากลาง (Median) ในที่นี้ หมายถึง ค่าที่มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางของข้อมูลทั้งหมด เมื่อเรียงข้อมูลจากน้อยที่สุดไปมากที่สุด
แสดงว่า ถ้าคอนเทนต์มีการมองเห็น 1,000 ครั้ง ส่วนใหญ่จะได้รับเอนเกจเมนต์ 43 ครั้ง (นับรวมทั้งยอดไลก์ แชร์ คอมเมนต์ รีโพสต์ และอื่น ๆ)
นอกจากนี้ยังมีอินไซต์อื่น ๆ ที่น่าสนใจคือ
- ยอดผู้ติดตามบน Instagram ส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.3% ต่อเดือน
- ความถี่ในการโพสต์คอนเทนต์ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 17 โพสต์ต่อเดือน
- ค่ากลาง (Median) ของ Reach Per Post อยู่ที่ 242 ครั้ง
คำถามที่น่าสนใจจากประเด็นนี้ก็คือ แล้วเราจะมีวิธีไหนที่จะช่วยเพิ่มเอนเกจเมนต์ และการมองเห็นให้มากกว่าค่าเฉลี่ยได้บ้าง ?
บทความนี้ MarketThink จึงรวบรวมมาให้แล้วทั้งหมด 11 เทคนิค
1. ถามคำถามลงใน Caption เพื่อเปิดบทสนทนา
การถามคำถามเพิ่มเติมต่อท้าย Caption เปรียบเสมือน “Call to Action” ที่ช่วยเปิดบทสนทนา กระตุ้นให้ผู้ชมแสดงความคิดเห็น และเพิ่มเอนเกจเมนต์ให้คอนเทนต์ได้ดี
ตัวอย่างการถามคำถาม เช่น
- “ใครอยากแชร์เคล็ดลับหุ่นดีให้เพื่อน ๆ อ่านเพิ่มเติม คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลยยย”
- “ใครอยากดูตอน 2 ต่อ คอมเมนต์บอกหน่อย” (เป็นคำถามที่ดีในการทดสอบว่า คอนเทนต์นี้ดีหรือไม่)
นอกจากนี้ การเพิ่ม # (Hashtag) ที่เกี่ยวข้องกับโพสต์ 3-5 อัน จะช่วยให้อัลกอริทึมจัดหมวดหมู่คอนเทนต์
และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดอันดับการค้นหา (Instagram Search Engine Optimization) ให้คนเซิร์ชเจอคอนเทนต์ของเราเป็นอันดับแรก ๆ ได้อีกด้วย
________________
2. ตอบกลับความคิดเห็นของผู้ชม ทั้งในคอมเมนต์ และ Direct Message
หลังเปิดบทสนทนาและมีผู้ชมมาคอมเมนต์แล้ว การตอบกลับความคิดเห็นของผู้ชมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
เพราะผู้ติดตามจะคิดว่าพวกเขามีตัวตน และอัลกอริทึมก็มองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ทุกคนมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ และทำให้คอนเทนต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้น
นอกจากนี้ การตอบข้อความใน Direct Message ก็ยังทำให้ผู้ชมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในคอมมิวนิตีของเราเช่นกัน
________________
3. แชร์โพสต์ไปที่ Instagram Stories และ Broadcast Channels
หลังลงโพสต์แล้ว ให้แชร์คอนเทนต์ไปที่ Instagram Stories และ Broadcast Channels เพื่อเพิ่มโอกาสที่ผู้ติดตามจะมองเห็นคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
นอกจากนี้ คอนเทนต์เก่า ๆ เราก็สามารถแชร์ลง Stories อีกครั้งได้เช่นกัน
เช่น คอนเทนต์ช่วงฮาโลวีนของปีที่แล้ว ก็สามารถแชร์ในช่วงฮาโลวีนของปีนี้ได้ ถ้ายังมีความเกี่ยวข้องและคอนเทนต์นั้น ๆ ยังไม่ตกเทรนด์
________________
4. โพสต์ในช่วงที่ผู้ติดตามออนไลน์เยอะ ๆ
อินไซต์จากการสำรวจกว่า 2 ล้านโพสต์ของ Buffer บอกว่า เวลาโพสต์ที่ดีที่สุดบน Instagram คือ ช่วงเวลา 15.00-18.00 น. ของวันธรรมดา
ส่วนช่วงเวลาที่แย่ที่สุดคือ ช่วงเวลาตั้งแต่ 24.00-08.00 น. ของทุกวัน
นอกจากนี้ ก็ต้องดูอินไซต์ของบัญชีเราด้วยว่า ผู้ติดตามออนไลน์ช่วงเวลาไหนมากที่สุด เพื่อลงคอนเทนต์ในช่วงเวลานั้น ก็จะช่วยให้คอนเทนต์มีการเข้าถึงและได้เอนเกจเมนต์เพิ่มขึ้น
________________
5. โพสต์รูปภาพหลาย ๆ รูป ช่วยเพิ่มเอนเกจเมนต์ได้ดี ส่วนคลิป Reels เพิ่มการเข้าถึงได้ดีที่สุด
จากการสำรวจโพสต์บน Instagram กว่า 4.2 ล้านโพสต์ของ Buffer พบว่า คอนเทนต์แบบ Carousels หรือโพสต์ที่มีรูปภาพหลาย ๆ ภาพ จะได้รับเอนเกจเมนต์มากกว่าคลิป Reels 12% และมากกว่ารูปเดี่ยวหรือ Single Photo ถึง 114%
แต่คลิป Reels จะเพิ่มการเข้าถึง (Reach) ได้ดีกว่า Carousels 36% และมากกว่ารูปเดี่ยวถึง 125%
________________
6. ใช้ Instagram Stories เชื่อมต่อกับผู้ติดตาม
Stories เป็นฟีเชอร์ที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มผู้ติดตามใหม่ ๆ แต่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของแบรนด์หรือครีเอเตอร์กับผู้ติดตามได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ จากการสำรวจของ Buffer ก็ค้นพบว่า ครีเอเตอร์ที่โพสต์ Stories มักจะมีคนเลิกติดตามน้อยกว่า ครีเอเตอร์ที่ไม่โพสต์ Stories อีกด้วย
________________
7. ใช้ “เสียง” ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น
คุณ Adam Mosseri ซึ่งเป็น CEO ของ Instagram บอกว่า เสียงประกอบใน Single Photo, Carousels และคลิป Reels จะช่วยเพิ่มเอนเกจเมนต์และการเข้าถึงได้ดี
โดยเสียงในที่นี้จะเป็นอะไรก็ได้ เช่น เสียงบรรยาย, เสียงเพลง, เสียง Ambience โดยเฉพาะกับเสียงที่กำลังติดเทรนด์อยู่จะช่วยเพิ่มการมองเห็นได้ดีมาก ๆ
________________
8. ทำคอนเทนต์ร่วมกับแบรนด์หรือครีเอเตอร์คนอื่น
Instagram มีฟีเชอร์ Collaborator ที่ทำให้บัญชีต่าง ๆ สามารถแชร์คอนเทนต์ร่วมกันบนหน้า Feed ได้
ทำให้คอนเทนต์นั้น ๆ ได้รับการมองเห็นและเอนเกจเมนต์เพิ่มขึ้น จากผู้ติดตามของบัญชีอื่น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยให้ช่องของเรามีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นได้
________________
9. สร้างคอนเทนต์ที่ทำให้คนแชร์ต่อได้
คุณ Adam Mosseri แนะนำว่า Instagram ให้ความสำคัญกับยอดแชร์มากกว่าการกดไลก์เฉย ๆ
ดังนั้น คอนเทนต์ที่เราลงทุก ๆ เดือน ควรจะมีอย่างน้อย 2-3 โพสต์ที่ผู้ชมสามารถแชร์ต่อให้กับเพื่อนได้
ตัวอย่างคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการแชร์ เช่น
- คอนเทนต์ใกล้ตัวผู้ชม เช่น คอนเทนต์แนะนำหนังสือ คอนเทนต์สอนทำอาหาร หรือมีมตลก ๆ
- คอนเทนต์ที่สร้างบทสนทนา เช่น คอนเทนต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นร้อนที่กำลังเป็นกระแสสังคม
- คอนเทนต์เล่าเรื่องและสร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้ฟัง เช่น คอนเทนต์แชร์เรื่องตลก เรื่องเศร้า เรื่องน่ารัก ๆ
________________
10. สร้างคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการบันทึกหรือ Save
เหมือนกับการแชร์ การบันทึกโพสต์ก็เป็นอีกสัญญาณที่ Instagram ให้ความสำคัญ คอนเทนต์ที่มีการบันทึกเยอะ ๆ เลยถูกดันให้ได้รับการมองเห็นเช่นกัน
ตัวอย่างคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการบันทึก เช่น
- แชร์สูตรอาหารสำหรับคนกำลังไดเอต
- เคล็ดลับสร้างรายได้เพิ่ม สำหรับคนวัยเรียน
- สรุปเทคนิคทำคอนเทนต์ปั้นเพจ Instagram
________________
11. ลองใช้ฟีเชอร์ใหม่ ๆ ของ Instagram อยู่เสมอ
Instagram มักจะปล่อยฟีเชอร์และเครื่องมือใหม่ ๆ ออกมาอยู่ตลอด ที่ผ่านมาก็เช่น Broadcast Channels, Maps, Reposts และ Notes
การแชร์ฟีเชอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้ มีโอกาสได้เอนเกจเมนต์และการมองเห็นมากขึ้น เพราะ Instagram มักจะดึงดูดให้ผู้ใช้งานและครีเอเตอร์หันมาใช้ฟีเชอร์ใหม่ ๆ ด้วยการเพิ่มการมองเห็นนั่นเอง
โดยเราสามารถติดตามข่าวสารใหม่ ๆ ได้จากบัญชีครีเอเตอร์ของ Instagram และ Adam Mosseri
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.