การตลาดแบบไหน ได้ไปต่อ ปี 2026 ? สรุป 6 เทรนด์การตลาดมาแรง จาก Kantar ที่นักการตลาด ครีเอเตอร์ เอาไปปรับใช้ได้

การตลาดแบบไหน ได้ไปต่อ ปี 2026 ? สรุป 6 เทรนด์การตลาดมาแรง จาก Kantar ที่นักการตลาด ครีเอเตอร์ เอาไปปรับใช้ได้

27 ธ.ค. 2025
ล่าสุด Kantar บริษัทข้อมูลด้านการตลาดระดับโลก ได้ออกรายงานเรื่อง “Kantar Marketing Trends 2026” เกี่ยวกับเทรนด์การตลาดที่คาดว่าจะมาแน่ ๆ ในปี 2026
รายงานดังกล่าวมีประเด็นที่น่าจะเป็นประโยชน์กับนักการตลาดอยู่หลายข้อ โดยมีบางเรื่องที่หลายคนอาจรู้อยู่แล้ว แต่บางเรื่องก็น่าสนใจมาก ๆ
แล้วจะมีอะไรเจ๋ง ๆ บ้างในโลกการตลาดปี 2026 ?
MarketThink สรุปเรื่องที่น่าจะมีประโยชน์กับนักการตลาดให้แบบครบ จบในโพสต์นี้
1. ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ จะเหนื่อย เพราะฝั่งแบรนด์คาดหวังเยอะขึ้น
Kantar บอกว่าปี 2025 ที่ผ่านมา นักการตลาดใช้อินฟลูเอนเซอร์มาช่วยสื่อสารแบรนด์เยอะมาก
และจากการสำรวจของ Kantar พบว่า ในปี 2026 นี้ มีนักการตลาดกว่า 61% บอกว่าจะเพิ่มงบกับอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์มากขึ้นอีก
พองบเพิ่มขึ้นอาจทำให้ความคาดหวังของฝั่งแบรนด์เพิ่มขึ้นด้วยในมุมของ “ตัวชี้วัด”
จากเดิมแบรนด์อาจวัดผลงานของ อินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ ด้วย “เอนเกจเมนต์” เช่น ยอดไลก์, ยอดแชร์ หรือยอดคอมเมนต์
แต่หลังจากนี้อาจเปลี่ยนเป็นการวัดจาก ROI (Return on Investment) หรือตัวเลขที่บอกว่า ลงทุนแล้วได้ยอดขายกลับมาเยอะไหมแทน
ทำให้ฝั่งอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ น่าจะทำงานยากมากขึ้น เพราะต้องทำคอนเทนต์โดยมียอดขายเป็น Objective นั่นเอง
อย่างไรก็ดี Kantar แนะนำว่า แบรนด์ไม่ควรไปก้าวก่ายไอเดียของอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์มากเกินไป ควรปล่อยให้คนกลุ่มนี้ได้ทำคอนเทนต์ในแบบที่ตัวเองถนัดจะได้ผลดีกว่า
เพราะที่ผ่านมามีผลสำรวจว่ามีคอนเทนต์ของทางฝั่งอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์แค่ 27% เท่านั้น ที่สามารถทำให้คนเข้าใจสิ่งที่แบรนด์จะสื่อได้จริง ๆ
ซึ่งเกิดจากการที่แบรนด์ตีกรอบการทำคอนเทนต์ของคนกลุ่มนี้มากเกินไปทำให้หลายคอนเทนต์เข้าไม่ถึงคนดู หรือทำให้ออกมาดูฝืน ๆ นั่นเอง..

2. GEO มาแน่ และ SEO อย่างเดียวไม่พอแล้ว
GEO คือ เทคนิคการทำคอนเทนต์ให้ Generative AI อย่างเช่น ChatGPT และ Gemini ตอบชื่อแบรนด์
ของเราเวลามีคนถาม
ส่วน SEO คือ เทคนิคการทำคอนเทนต์ให้ชื่อแบรนด์ของเราติดหน้าแรกของ Google
ซึ่งถ้าดูพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์ตอนนี้ หลาย ๆ คนเวลาอยากรู้อะไรก็มักจะเลือกถาม AI แทนการถาม Google ไปแล้ว และก็น่าจะมีคนแบบนี้เพิ่มขึ้นในปี 2026
จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมทำ SEO อย่างเดียวถึงไม่พอให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ แต่ต้องทำ GEO ให้ AI ตอบคำถามด้วยชื่อแบรนด์ของเรา เพื่อให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้นด้วย
ที่น่าสนใจคือ Kantar มีข้อมูลว่า 74% ของคนที่ใช้ AI จะเชื่อคำแนะนำของ AI ไปเลย
ทำให้ในมุมการตลาดการสร้างคอนเทนต์ตามหลัก GEO อาจจะได้เปรียบมาก ๆ ในอนาคต

3. ลูกค้าจะฉลองในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ง่ายขึ้น
ปี 2026 หลายฝ่ายคาดกันว่า น่าจะเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้คนจะซื้อบ้าน-ซื้อรถ หรือขยับขยายเรื่องต่าง ๆ ได้ยากขึ้น
เรื่องพวกนี้มีผลทำให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป จากเดิมที่จะฉลองเฉพาะโอกาสใหญ่ ๆ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นฉลองกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ฉลองหลังสัมภาษณ์งานไม่ผ่าน, ฉลองหลังอกหัก คล้ายหลักจิตวิทยาเรื่อง Lipstick Effect ที่บอกว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี คนก็ต้องการซื้อของฟุ่มเฟือยอยู่ดี
โดย Kantar บอกว่า ถ้าแบรนด์สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโมเมนต์ตรงนี้ของลูกค้าได้ จะได้เปรียบมาก ๆ ในการแข่งขัน
4. Community Marketing ยังใช้ได้ดี และเด่นขึ้นเรื่อย ๆ
Kantar มองว่า ทุกวันนี้ฟีดโซเชียลมีเดียจะเต็มไปด้วยคอนเทนต์แบบ “เน้นการขาย” จากทั้งการโฆษณาของฝั่งแบรนด์, คอนเทนต์โปรโมตของอินฟลูเอนเซอร์ หรือโพสต์ของคนทั่ว ๆ ไปที่หันมาทำ Affiliate กันเต็มไปหมด
ลูกค้าเลยรู้สึกเอียนและมีแนวโน้มมองหาความ “จริงใจ และดูไม่เป็นโฆษณา” มากขึ้น
ทำให้ Community Marketing ที่เน้นส่งเสริมให้เกิด “ชุมชนของลูกค้า” ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น กลุ่มเฟซบุ๊ก, แอปพลิเคชัน หรือแม้แต่การจัดอิเวนต์ให้คนที่ชอบเรื่องเดียวกันมาเจอกัน
เพื่อให้ในอนาคต เมื่อคนกลุ่มนี้มารวมกันมากพอ ก็จะมีโอกาสพูดถึงสินค้าและบริการของแบรนด์ให้เอง โดยการตลาดรูปแบบนี้จะทรงพลังมากหลังจากนี้
ซึ่งคล้ายกับเคสของกลุ่ม “รีวิวแม็คโคร” ที่ถ้าสินค้าไหนถูกพูดถึงในแง่ดีในกลุ่มสินค้านั้น ๆ ก็มักจะกลายเป็นไวรัลได้ง่ายมากในช่วงปีที่ผ่านมานั่นเอง

5. เทรนด์ “สื่อค้าปลีก” จะมาแรงมากขึ้น
สื่อค้าปลีก หรือ Retail Media Network (RMN) คือ พื้นที่โฆษณาของร้านค้าปลีก
ยกตัวอย่างเช่น
- พื้นที่โฆษณาบนแอปพลิเคชัน 7-Eleven
- จอโฆษณาใน Lotus's
- แบนเนอร์บนเว็บไซต์ Central
โดย Kantar มองว่า ในปี 2026 นี้ การไปโฆษณาบนพื้นที่สื่อของแบรนด์ค้าปลีกจะได้ผลดีขึ้น
เพราะแบรนด์เหล่านี้จะมีข้อมูลของลูกค้าที่ค่อนข้างลึก ทำให้การโฆษณาผ่านพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างตรงจุด
ดังนั้นถ้าจะลงงบโฆษณา ให้ลองพิจารณาสื่อแนวนี้ไปด้วยจะดีมาก
ที่น่าสนใจคือ Kantar มีอินไซต์ว่า Retail Media Network จะได้ผลลัพธ์ในภาพรวมดีกว่าโฆษณาตามสื่อทั่วไปถึง 1.8 เท่า
และได้ผลดีมาก ๆ ในแง่ของการกระตุ้นให้คนอยากซื้อสินค้ามากขึ้นถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
6. ถ้าจะชูเรื่อง “ความหลากหลาย” ต้องทำให้จริงใจ
Kantar บอกว่า ผู้คนกว่า 65% จะรู้สึกดีกับบริษัทที่ส่งเสริมความหลากหลาย เช่น การส่งเสริม LGBTQ+, ผู้พิการ, กลุ่มชาติพันธุ์
แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันนี้แบรนด์จำนวนมากยังใช้วิธีการส่งเสริมความหลากหลายแบบ “ฉาบฉวย” คือแค่นำบุคคล LGBTQ+ เข้ามาในงานโฆษณา เพื่อโปรโมตภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรอย่างเป็นรูปธรรมเลย
ซึ่งในปี 2026 นี้ ผู้คนจะคาดหวังเรื่องการส่งเสริมความหลากหลายที่จริงใจมากกว่านี้ แบรนด์ไหนที่ทำได้ก็จะมีโอกาสได้ใจลูกค้ามากขึ้นนั่นเอง
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.