Facebook อวด ใช้เงินไปกว่า 4 แสนล้านบาท ตั้งแต่ปี 2016 ในการพัฒนาระบบความปลอดภัย

หลังจากเมื่อไม่นานมานี้ The Wall Street Journal ได้ออกมากล่าวหา Facebook ว่า เป็นบริษัทที่เห็นความสำคัญในเรื่องของ “ผลกำไร” มากกว่าการปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้งานหลายพันล้านคน
จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากหลายฝ่าย

ซึ่ง Facebook ก็ออกมาตอบโต้เรื่องดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อมูล

และล่าสุดทาง Facebook ก็ออกมารายงานว่า บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 435,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 จนถึงปัจจุบัน
ในระบบและมาตรการด้านความปลอดภัยและความมั่นคง (Safety & Security) ทั้งในแง่ของพนักงานและเทคโนโลยี

โดยบริษัทได้จ้างพนักงานที่ทำงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคง เพิ่มเป็น 40,000 คน
จากเดิมที่มีอยู่เพียง 10,000 คน เมื่อห้าปีก่อน

“ในอดีต เราไม่ได้จัดการกับความท้าทายด้านความปลอดภัยและความมั่นคง ได้เร็วพอในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
แต่เราได้ทำการปรับปรุงเชิงรุก และเปลี่ยนแปลงแนวทางนั้นแล้ว”

“วันนี้ เราได้รวมทีมด้านความปลอดภัยและมั่นคง ลงไปในทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยตรง
เพื่อให้ช่วยจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ ในระหว่างกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์”

อีกทั้ง Facebook ยังรายงานว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัท
สามารถช่วยบล็อกบัญชีปลอม ได้ถึง 3 พันล้านบัญชี ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้

และบริษัทได้ลบเนื้อหาเกี่ยวกับโควิดและวัคซีนปลอม ไปมากกว่า 20 ล้านโพสต์
รวมถึงลบเนื้อหาที่รุนแรง เช่น โพสต์ที่แสดงความเกลียดชัง บนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ไปมากกว่าเดิมถึง 15 เท่า เมื่อเทียบกับตอนปี 2017

ทั้งนี้ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เคยพูดติดตลกไว้ว่า
งบประมาณที่ใช้ไปกับระบบความปลอดภัยของ Facebook มีมากกว่ารายได้ทั้งหมดของ Twitter ทั้งปีเสียอีก

ซึ่งในปี 2020 บริษัท Twitter มีรายได้รวม 3,716 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 124,300 ล้านบาท

และถ้าเทียบกับงบ 435,000 ล้านบาท ของ Facebook
การลงทุนด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของ Facebook ก็จะคิดเป็น 3.5 เท่า ของรายได้ Twitter นั่นเอง

อ้างอิง :
-https://www.reuters.com/technology/facebook-spent-over-13-bln-safety-security-since-2016-2021-09-21/
-https://about.fb.com/news/2021/09/our-progress-addressing-challenges-and-innovating-responsibly/