Tesla เรียกคืนรถกว่า 54,000 คัน หลังระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ไม่ยอมหยุดรถ เมื่อเจอป้ายหยุด

เมื่อไม่นานมานี้ ทาง Tesla ได้ดำเนินการเรียกคืนรถยนต์ที่ใช้ระบบ “Full Self-Driving” (FSD) รุ่นเบต้า
เนื่องจากระบบซอฟต์แวร์ของรถไม่ยอมหยุดเมื่อเจอป้ายหยุด และปล่อยให้รถยนต์ฝ่าป้ายไปด้วยความเร็ว 5.6 ไมล์/ชั่วโมง

โดยทางบริษัทคาดว่าจะทำการส่ง OTA แจ้งเตือนการเรียกคืนรถไปยังเจ้าของรถยนต์รุ่นที่มีปัญหา ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

ทั้งนี้ จริง ๆ แล้วคำว่า “Full Self-Driving” ที่ Tesla นำมาเปิดให้ทดลองใช้ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ารถยนต์จะสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง 100% ซึ่งที่จริงแล้วระบบขับเคลื่อนของ Tesla นำเสนอการช่วยเหลือผู้ขับขี่แค่บางอย่างเท่านั้น และยังต้องมีคนคอยอยู่หลังพวงมาลัยรถตลอดเวลา

ซึ่งการเรียกคืนรถครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทาง Tesla ได้เข้าประชุมกับ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) หรือหน่วยงานด้านความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐฯ ถึง 2 ครั้ง

โดยมีจำนวนรถยนต์ที่ทางบริษัทต้องเรียกคืนทั้งหมดมากถึง 54,000 คัน แบ่งเป็น
- Tesla Model S และ Model X รุ่นปี 2016 - 2022
- Tesla Model Y รุ่นปี 2020 - 2022

โดยทาง NHTSA ได้ระบุไว้ในรายงานเรียกคืนรถว่า
“ฟีเชอร์ดังกล่าว ไม่สามารถหยุดรถได้ เมื่อเจอสัญญาณหยุด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติหตุได้ ”

อย่างไรก็ดี ทาง Tesla กล่าวว่ายังไม่มีรายงานถึงอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บใด ๆ ที่เกิดจากฟีเชอร์นี้

และก่อนหน้านี้ ทาง Tesla ก็ได้เคยเรียกคืนซอฟต์แวร์ FSD เวอร์ชัน 10.3 อันเนื่องมาจากปัญหาบางอย่าง
เช่น การถอยรถ กับการเลี้ยวซ้าย, คำเตือนการชนด้านหน้าในมุมอับสายตา และข้อบกพร่องของพวงมาลัยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ Tesla ยังเคยเรียกรถคืนกว่า 300,000 คันในประเทศจีน จากปัญหาเรื่องระบบ Autopilot และยังมีปัญหาที่พบในประเทศอื่น ๆ อีกประปราย

เรื่องนี้นับเป็นปัญหาของบริษัทยานต์ยนต์ที่กำลังพยายามทำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่มาก
เพราะขนาดผู้นำตลาดอย่าง Tesla ก็ยังมีข่าวเรื่องระบบซอฟต์แวร์มาให้เห็นอยู่เนื่อง ๆ

ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องอาศัยการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และระบบซอฟต์แวร์ให้เสถียรมากขึ้นในอนาคต

อ้างอิง:
-https://www.engadget.com/tesla-recall-latest-fsd-update-that-lets-cars-roll-through-stop-signs-123952386.html